3. การเล่นดนตรีจะช่วยให้เรามีผลลัพธ์ดีกว่าคนที่ไม่ได้เล่นดนตรี เพราะดนตรีจะช่วยเพิ่มทักษะความทรงจำ และทักษะการรับรู้ในเรื่องต่างๆ ด้วย ที่มหาวิทยาลัยชิลี คาทอลิกในประเทศชิลีมีการวิจัยในเรื่องนี้ โดยแบ่งเด็กอายุ 10-13 ปีออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มทีเรียนดนตรีกับกลุ่มไม่ได้เรียนดนตรีเลย
4. การฟังเพลงที่ให้เสียงเบสลึก (ย่านเสียงที่รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเบส) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจได้ ฉะนั้น หากมีจังหวะต้องตัดสินใจอะไรบางอย่าง ให้ลองฟังเพลงที่มีเสียงเบสลึกดูครับ จะช่วยให้เราตัดสินใจดีขึ้น (ในรายการยกตัวอย่างเพลง เป็น we will rock you นะ)
สรุป 7 เทคนิคเพิ่มผลลัพธ์การเรียนและการทำงาน 1.ออกกำลังกายเล็กน้อย 2-3 นาทีก่อนอ่านหนังสือ ช่วยให้โฟกัสดีขึ้น 2.อยากท่องจำได้ดี ให้แสดงความรู้สึก ความคิดเห็นออกมาพร้อมๆ กับการอ่าน 3.เล่นดนตรีช่วยให้จดจำได้ดีขึ้น 4.อยากตัดสินใจอะไรให้ฟังเพลงที่มีเสียงเบสลึก .
5.อยากเพิ่มการโฟกัส ให้สร้าง routine หรือกิจวัตรอะไรบางอย่างก่อนลงมือทำ 6. ต้องลิสต์ “not to do list” มีอะไรให้ทำมากเกินไป ก็จะทำให้เสียเวลา เรื่องบางอย่างต้องกล้าตัดใจไม่ต้องทำก็ได้ 7.ลองเปลี่ยนเส้นทางเดินทางบ้าง จะเห็นแวดล้อมใหม่ๆ ช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานกระฉับกระเฉงขึ้น
นี่เป็นเคล็ดลับจากรายการ Hanataka Yuetsukan เค้าบอกว่า หากใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ทาผิว แล้วอยากให้ครีมดูดซึมเข้าผิวหนังได้ดียิ่งกว่า แนะนำให้ทา “แนวขวาง” ของแขน เพราะลายผิวคนเราจะเป็นแนวขวาง ถ้าทาในแนวนี้จะช่วยให้ดูดซึมเร็ว ลองส่องลายผิวดูนะ ไปทางไหนทาทางนั้น #สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม
หากวันหลังจะทาครีมที่ส่วนไหน ให้สังเกตลายผิว ณ บริเวณนั้นๆ ก่อน แล้วให้ทาไปตามเส้นของลายผิวครับ จะช่วยให้ครีมดูดซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น เช่น II —> II   = —> =
รายการมีแซวพิธีกรต่อว่า บนหน้าผากเวลามันย่น มันจะย่นแนวนี้ เวลาทาครีมที่หน้าผากก็ต้องทาแนวนั้นเช่นกัน 5555 ที่ริมฝีปากก็ใช้หลักการเดียวกัน เพราะลายผิวที่ริมฝีปากจะตรงจากบนลงล่าง ฉะนั้น เวลาทาลิปก็ควรทาแนวบนลงล่าง หรือล่างขึ้นบนครับ จะช่วยให้ดูดซึมลงริมฝีปากได้ดีกว่า
หลายไอเดียก็เกิดจากการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดนะ อย่างเคสนี้เป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์ในญี่ปุ่นชื่อว่า ACTUS ที่มีร้านค้า 30 สาขาทั่วประเทศ ร้านเริ่มขายโต๊ะเขียนหนังสือเด็กตั้งแต่ 40 ปีก่อน แต่ช่วงหลังๆ เจอวิกฤติหนัก เพราะเด็กเกิดน้อยลงมาก จึงต้องหาไอเดียบางอย่างเพื่อกระตุ้นยอดขาย
อันนี้ใครคิดเนี่ย ไอเดียบรรเจิดมาก เป็นกาจาปองที่เมื่อหมุนแล้วจะได้ลุ้นว่า จะได้รูปถ่ายติดบัตรคนอื่น (ที่เราก็ไม่รู้จักนะ) . อย่างในรูปนี้เจ้าของเธรดหมุนได้รูปติดบัตรคุณลุงท่านนึง 🤣🤣🤣 twitter.com/aerobics_girl/…
เรื่องนี้ดูมาจากรายการ Hanataka no Yuetsukan เค้าเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านสกินแคร์ในญี่ปุ่นมาให้คำแนะนำเรื่องการล้างหน้า ผมเห็นว่าหลายเรื่องน่าจะเอามาปรับใช้ได้ แต่บางเรื่องอ่านแล้วก็สงสัยเหมือนกัน เลยอยากให้เพื่อนๆลองอ่านแล้วช่วยกันวิเคราะห์ดูนะครับว่าวิธีเหล่านี้ใช้ได้กับบ้านเรามั้ย
เทคนิคการล้างหน้าของเขา คือ ล้าง 2 ครั้ง ตอนเช้าและตอนเย็น โดยตอนเช้าไม่ได้แนะนำให้ใช้โฟมล้างหน้านะ ล้างด้วยน้ำอุ่นก็พอ เพราะในโฟมล้างหน้าจะมีสารลดแรงตึงผิวซึ่งจะค่อนข้างแรงสำหรับผิวหน้า และตอนเช้าหน้ายังไม่สกปรกมาก ไม่ต้องล้างโฟมก็ได้ ส่วนการล้างโฟมจะไปใช้ตอนเย็นครั้งเดียว
2. ให้รักษากฎการล้างหน้าภายใน 20 วินาที . คุณ Kazunosuke แนะนำว่า ให้ล้างผลิตภัณฑ์ล้างหน้าออกภายใน 20 วินาทีหลังจากทาหน้าไปแล้ว การใช้เวลาสั้นๆ ไม่เกิน 20 วินาทีจะช่วยให้ผิวสามารถรักษาความชุ่มชื้นของมันได้ตามธรรมชาติ การทิ้งไว้นานเกินไป ผิวจะเสียความชุ่มชื้น
4. แนะนำวิธีการเลือก Toner . ถ้านึกอะไรไม่ออกแนะนำให้พลิกด้านหลังผลิตภัณฑ์ดูส่วนผสม ถ้ามีเขียนว่า เซราไมด์ (ceramide) คือดี เพราะ เซราไมด์คือส่วนผสมที่จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นผิว และยังมีคุณสมบัติเป็น barier ให้กับผิวของเราด้วย
สรุปเรื่องนี้นิดนึง 1. ล้างหน้า 2 ครั้งต่อวัน ช่วงเช้าล้างน้ำอุ่นพอ ช่วงเย็นหน้าจะสกปรกหน่อย ให้ใช้โฟมล้างหน้าได้ 2. ให้รีบล้างโฟมล้างหน้าออกภายใน 20 วินาที จะเป็นวิธีการรักษาความชุ่มชื้นบนใบหน้าได้ดีที่สุด 3. ก่อนเช็ดหน้า ให้ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นนิดนึง (ถ้าทำได้) .
ค่าเงินญี่ปุ่นวันนี้ 100 เยน ใช้เงินไทยแลกแค่ประมาณ 27.19 บาท เงินญี่ปุ่นถูกในรอบ 2 ปีเลยนะนี่ แล้วเท่าๆ กับที่เคยถูกมากช่วงปี 2015 . คนทำงานรับเงินญี่ปุ่นเห็นแล้วร้องจ๊าก เพราะเงินที่ได้มีมูลค่าน้อยลง . แต่คนอยากเที่ยวญี่ปุ่นยิ้มแป้น เพราะเงินไทยเท่าเดิม ได้เงินญี่ปุ่นมากขึ้น
วัดญี่ปุ่นก็ถึงเวลาต้องรีแบรนด์! “สาเหตุที่ทำให้มีหนุ่มสาวเข้าวัด TSUKIJI HONWANJI ในญี่ปุ่นมากขึ้น” ช่วงหลังๆ วัดในประเทศญี่ปุ่นก็ประสบปัญหาหนัก มีคนเข้าวัดน้อยลง พอคนไม่เข้าวัด วัดหลายแห่งต้องหาวิธีปรับตัว มีวัดๆ หนึ่งชื่อว่า วัด TSUKIJI HONWANJI .
สถานที่ท่องเที่ยวบ้านเรานี่ที่สุดจริงๆนะ twitter.com/takechi_0318/s…
ท่านประธานใจดีมากอะ 555555 แบบนี้ลูกน้องอยากเข้าหาตลอด
หากต้องการกำลังใจให้เปิดดูอันนี้ใน Netflix บอกเลยว่ายิ้มไม่หยุด
เธรดนี้จะแนะนำ 11 เทคนิค เปลี่ยนนิดเปลี่ยนหน่อย ก็ช่วยให้คุณผอม และหุ่นดีได้ด้วยวิธีเหล่านี้ . เป็นวิธีที่แนะนำโดย คุณหมอ Asahara Noriko เจ้าของหนังสือ Bestseller ที่แนะนำคนไข้เรื่องการควบคุมน้ำหนัก สำเร็จมาแล้วมากกว่า 3,000 คน ค่อยๆ อ่านไปพร้อมๆกันครับ #สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม
1. แนะนำให้นอนปิดไฟจะช่วยให้ผอมกว่า . ในปี 2019 ทีสถาบันวิจัยในอเมริกาเคยทำการทดลองโดยให้ผู้หญิง 44,000 คน นอนในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน 3 แบบ แบบนอนเปิดไฟเปิดทีวี, แบบนอนเปิดไฟหรี่ๆ, นอนปิดไฟมืดเลย .
เค้าทดลองแบบนี้ติดต่อกัน 5 ปีเลยนะ ผลพบว่าคนนอนเปิดไฟเปิดทีวี และคนนอนเปิดไฟหรี่ๆ จำนวน 17% น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 กิโล . คุณหมอบอกว่าการเปิดไฟนอนนั้นไม่ค่อยดี ส่งผลเสียต่อคุณภาพการนอน ทำให้สมองเข้าใจผิดว่ายังอยู่ในสภาวะเสี่ยงภัย และสั่งการให้ร่างกายสะสมพลังงานระหว่างการนอน
เมื่อตื่นมาแล้วก็แนะนำให้เปิดม่านรับแสงแดดยามเช้าด้วยนะครับ (แม้ชีวิตจะยุ่งเหยิงแค่ไหน) . เพราะปกติร่างกายจะมีโปรตีนสะสมไขมันชื่อว่า BMAL1 ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมันเรื่อยๆ ตลอดวันทำให้อ้วนได้ การรับแสงแดดยามเช้าจะช่วยให้ BMAL1 ลดลงได้ครับ
2.คนนั่งไหว่ห้างจะอ้วนง่าย คนรักษาสรีระร่างกายระหว่างนั่งจะมีแนวโน้มว่าผอมง่าย การนั่งไขว่ห้างจะทำให้กล้ามเนื้อรอบๆ กระดูกเชิงกรานอ่อนแรงลง พอกล้ามเนื้อส่วนนี้ทำงานไม่ดี ก็จะทำให้ท้องผูกง่าย เป็นเหตุให้เกิดโรคอ้วนได้ คนที่นั่งสรีระไม่ดี หลังงอ นั่งโน้มตัวไปข้างหน้าก็มีจะอ้วนง่าย
อย่างที่รู้กันว่า การนั่งให้ตัวตรง สรีระดีๆ เหมือนกับเรากำลังต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงโลกอยู่ แค่นั่งตัวตรงก็ถือว่าเป็นการบริหารกล้ามเนื้อแบบเบาๆ แล้ว ได้ใช้พลังงานแล้วครับ