ที่ญี่ปุ่นมีเด็กประถมคนหนึ่งถูกเรียกว่า“เด็กประถมอัจฉริยะนักประดิษฐ์” น้องมีชื่อว่า เรียมเซ็น เป็นลูกครึ่งคุณพ่อเป็นชาวฮอลแลนด์ คุณแม่เป็นชาวญี่ปุ่น คุณพ่อทำงานในบริษัท IT น้องจึงมีความสนใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และการสร้างสิ่งประดิษฐ์มาตั้งแต่เด็ก ช่วงประถมเข้าชมรมเขียนโปรแกรมด้วย
วิธีช่วยให้ทำอะไรก็มีวินัย ทำได้ต่อเนื่อง 1. ตั้งเป้าหมายที่ช่วยให้อยากลงมือทำทุกวัน/ ต้องชัด ต้องอยากได้มันจริงๆ มีเดดไลน์ด้วย 2. ทำคนเดียวอาจหมดไฟระหว่างทาง ให้หาเพื่อนร่วมทาง คอยทำ คอยเชียร์ไปด้วยกัน 3.ทำ “ทุกวัน” ให้เป็นนิสัย ไม่ต้องทำมาก แต่ทำบ่อยๆ เช่น วันละ 5 นาที 10 นาที
ตอนที่แล้วเล่าว่าชอบเรื่องราวของน้อง เรียมเซ็น ลูกครึ่งชาวฮอลล์แลนด์ และญี่ปุ่น ด้วยความที่คุณพ่อทำงานในบริษัท IT น้องจึงมีความสนใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และชอบสร้างสิ่งประดิษฐ์มาตั้งแต่เด็ก ตอนป.4 ก็สร้างกระเป๋านักเรียนแห่งอนาคต แต่อีกสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจและผมอยากได้มากคืออันนี้
สถานที่ฝึกซ้อมนวด
น้องเรียมเซ็นลูกครึ่งญี่ปุ่นฮอลล์แลนด์คนนี้อัจฉริยะจริงๆ ยังเรียนอยู่ชั้นประถมแต่สิ่งประดิษฐ์ของน้องน่าสนใจมาก ล่าสุดเห็นว่าแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อที่บ้านหมด เลยคิดหาวิธีผลิตแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อจากเหล้าในบ้าน ทำเป็นเครื่องย่อมๆ แล้วสุดท้ายก็ทำได้จริง อย่าเอาเหล้าโปรดของพ่อไปทำละกันครับ 55
เรื่องนี้ผมดูมาจากรายการ Konosatte Nandesuka เค้าเชิญคุณหมอ Mabuchi ผู้อำนวยการคลินิก Mabuchi Medical Clinic และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำดื่ม เขียนหนังสือเรื่องน้ำดื่มในญี่ปุ่นหลายเล่มมาก เรามาดูกันครับว่าคุณหมอเค้าแนะนำอย่างไรบ้าง #สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม
ในรายการบอกไว้ว่า คนส่วนใหญ่รู้นะว่าการดื่มน้ำเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ข้อมูลก็เยอะมากมายและกระจายไปหมด เราเลยไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดแน่ รายการเลยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำดื่มในญี่ปุ่นมาให้ความรู้ คุณหมอ Mabuchi ท่านเขียนหนังสือเกี่ยวกับน้ำหลายเล่ม เล่มซ้ายสุด วิธีการเลือกน้ำ/ดื่มน้ำ
อันดับแรกเพื่อนๆ คงสงสัยว่า วันๆ นึงควรดื่มน้ำแค่ไหนดี คุณหมอบอกว่า ร่างกายคนเราต้องการน้ำดื่มวันละ 1.5-2 ลิตร . คิดง่ายๆ คือ น้ำดื่มแก้วนึงจะมีปริมาตรประมาณ 200 ml ถ้าดื่ม 8 ครั้ง (8 แก้ว) ก็จะถือว่า เราได้ดื่มน้ำครบตามที่ร่างกายต้องการแล้ว
สาเหตุที่แนะนำว่าให้แบ่งดื่ม 8 ครั้ง ครั้งละ 200ml เป็นเพราะว่า ร่างกายคนเราจะดูดซึมน้ำได้ครั้งละ 200 ml คุณหมอบอกว่าหากดื่มมากกว่านั้น (รวดเดียว)อาจจะทำให้ไตต้องทำงานหนักจนเกินไปได้ เลยแนะนำให้แบ่งดื่มครับ
ส่วนวิธีการดื่มน้ำตามช่วงเวลาต่างๆ แนะนำให้ทำตามนี้ 1.ตื่นมาตอนเช้าให้ดื่มน้ำทันที 1 แก้ว (200ml)เพราะขณะนอนหลับเราจะสูญเสียน้ำที่ร่างกายขับออกทางเหงื่อ ซึ่งมีปริมาณ 500 ml โดยประมาณ การดื่มน้ำตอนเช้าจึงสำคัญมาก แต่อย่างที่บอกไปคนเราดูดซึมน้ำได้ครั้งละ 200 ml แก้วเดียวก็เพียงพอ
2.ระหว่างวัน ตอนเราไปทำงาน ใช้ชีวิตตามปกติ แนะนำให้ดื่มน้ำทุกๆ 1-2 ชั่วโมง (ครั้งละ 200ml หรือ 1 แก้วครับ) 3.ตอนทานข้าวไม่แนะนำให้ดื่มน้ำจนมากเกินไป เพราะน้ำจะเข้าไปเจือจางเอ็นไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร อาจทำให้เราท้องผูกหรือท้องเสียได้ (บางคนเป็น)ระหว่างมื้อแนะนำดื่มแก้วเดียวพอ
4. ก่อนนอนดื่มน้ำด้วยนะ 1 แก้ว . คนส่วนใหญ่แอบคิดว่า ดื่มน้ำแล้วจะบวมน้ำหรือเปล่านะ เลยไม่ยอมดื่มน้ำก่อนนอน แต่คุณหมอบอกว่า “ไม่บวมนะ” การดื่มน้ำจะช่วยให้ระบบการไหลเวียนน้ำในร่างกายครบ loop พอดื่มน้ำไปร่างกายก็จะขับออกผ่านเหงื่อและปัสสาวะซึ่งถือว่าเป็นปกติ
คุณหมอบอกว่า ถ้าไม่ดื่มน้ำน่ะสิ จะทำให้ร่างกายพยายามกักเก็บน้ำไว้ภายในร่างกาย ซึ่งจะทำให้มีโอกาสบวมน้ำ มากกว่าคนที่ดื่มน้ำก่อนนอน
สรุปคือ - ควรดื่มน้ำ 1.5-2.0 ลิตร/วัน แบ่งดื่มครั้งละ 200ml x 8 ครั้งคือดีที่สุด (ไม่ควรดื่มรวดเดียวเยอะๆ นะ เพราะร่างกายดูดซึมได้ไม่หมดในครั้งเดียว) - ตื่นนอนขึ้นมา แนะนำดื่มน้ำเลย 1 แก้ว -ระหว่างวันดื่มน้ำทุก 1-2 ชั่วโมง (ให้ครบ 8 ครั้ง) - ระหว่างทานข้าวแนะดื่ม 1 แก้วพอ
-แนะนำให้ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนนอนนะ (ไม่ต้องกลัวว่าจะบวมน้ำ) ทั้งหมดนี้เป็นคำแนะนำจากคุณหมอ Mabuchi ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการดื่มน้ำในญี่ปุ่น หากเพื่อนๆ มีอะไรอยากเสริมเกี่ยวกับเรื่องดื่มน้ำ เสริมได้เลยนะครับ ยินดี :) #สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม
ชอบนวัตกรรมอะไรแบบนี้ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่มีอยู่อย่างแท้จริง “โคะโระยะวะ” พื้นออกแบบมาพิเศษสำหรับผู้สูงอายุญี่ปุ่น คุณสมบัติเด่นของมันคือ ถ้าเดินปกติก็จะเหมือนพื้นแข็งทั่วไป แต่ถ้าล้มแบบฉับพลับพื้นจะนิ่มยวบทันที รับแรงกระแทกทำให้ล้มแล้วไม่บาดเจ็บหนัก #สาระญี่ปุ่นกับคุณบูม
ที่ญี่ปุ่นเค้ามีสถิติว่า ปีๆ นึงมีผู้สูงอายุหกล้มประมาณ 11 ล้านคน และประมาณ 1 ล้านคนในจำนวนนั้น ประสบปัญหากระดูกหักด้วย . ส่วนที่กระดูกชอบหักบ่อยๆ มักจะเป็นกระดูกต้นขา ซึ่งฟื้นฟูยากมากๆ จำนวนครึ่งในนั้นไม่สามารถกลับไปเดินเหินได้เหมือนปกติ บางคนต้องนอนติดเตียง ไปไหนไม่ได้อีก
ส่วนหน้าตา โคะโระยะวะ เป็นอย่างไรก็เป็นตามที่เห็นเลยครับ ดูผ่านๆ มันก็คือพื้นแข็งทั่วไป เดินได้ตามปกตินี่แหละ . แต่ถ้าเผลอหกล้มเมื่อไหร่ พื้นผิวด้านล่างจะเปลี่ยนสภาพทันที จากที่แข็งกลายเป็นนุ่มยวบ ล้มแล้วเอาเข่าจิ้มลงไปที่พื้นก็ไม่รู้สึกเจ็บเลย(ตอนเห็นครั้งแรกผมก็สงสัยทำได้ไงนะ)
เพื่อนๆ คงสงสัยใช่มั้ยครับว่า เวลาหกล้มทำไมพื้นถึงเปลี่ยนสภาพจากพื้นแข็งๆ กลายเป็นพื้นนุ่มๆ ได้ในทันที อันนี้ทางบริษัทผู้ผลิตก็เปิดเผยไม่ได้เป็นความลับของบริษัท แต่เค้าบอกว่า เขาใช้เทคโนโลยี Mechanical Metamaterials ในการสร้างนวัตกรรมอันนี้ขึ้นมาครับ(ใครมีความรู้ search หาดูนะ)
คุณ Shimomura เล่าถึงแรงบันดาลใจในการผลิต Koroyawa ขึ้นมาว่า “คุณย่าของเขาก็ล้มกระดูกหักจนต้องนอนติดเตียง และเสียชีวิตไปในสภาพอย่างนั้น เขาไม่อยากให้ใครต้องมาประสบกับสภาพแบบนี้อีก จึงคิดว่านี่เป็นปัญหาสังคมที่ตัวเขาต้องลุกขึ้นมาแก้ไข”
ผู้ชายญี่ปุ่นคนนี้มีงานอดิเรกคือการประดิษฐ์หุ่นยนต์ เขามีภรรยาที่รักมาก และวันหนึ่งพบว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่มีลูกด้วยกัน หลังจากมีลูก ภรรยาต้องดูแล ต้องคอยให้นมลูก ลูกจะมาก่อนเสมอ… แล้วนี่คือสิ่งประดิษฐ์ที่เขาผลิตมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเธอ… Cr: Nanikore Chinhyakkei
หุ่นยนต์ของเขาจะตั้งอยู่ตรงพื้นที่ตรงทางประตูหน้าบ้านครับ เขาแค่กดรีโมทจากข้างนอกบ้านหุ่นยนต์ก็จะทำงานทันที . พอกดแล้ว กล่องที่อยู่ตรงพื้นที่เล็กๆ ตรงทางเข้าบ้านก็จะเปิดออก…
เปิดออกมาจะเป็นหน้าเด็กทารก พร้อมเสียงร้องไห้เพราะเรียกร้องความสนใจ 55555 ทำหน้าตาไว้ได้น่ากลัวมากๆ เลยนะ แถมมี 4 เลเวลด้วยนะ !! เริ่มที่เลเวล A ซึ่งเป็นขั้นเบาสุด จะมีเสียงเด็กร้องไห้ก่อน… แล้วตอนจบจะมีเสียงผู้หญิงพูดด้วยว่า “กรุณามาหาหน่อย”
เลเวล B ก็เหมือนกัน แต่ตอนจบจะพูดว่า “กรุณา มาด่วนๆ เลย” เลเวล C จะพูดว่า “ช่วยด้วย!!!!” 55555 . และเลเวล D เลเวลขั้นสุดจะพูดว่า “มาด้วย! นี่ถึงขีดสุดแล้วนะ!” พร้อมมีไปกระพริบสีแดงๆ เหมือนเป็นไฟเตือน . แล้วทั้งหมดนี้คืออารมณ์ขันของคุณสามีญี่ปุ่นที่เรียกร้องความสนใจจากคุณภรรยา
พอเห็นอะไรๆ ก็แพงไปหมดแล้วนึกถึงเคสนี้ที่ญี่ปุ่นตอนที่ไอศกรีมหวานเย็นการิการิคุงขอขึ้นราคากับผู้บริโภค 10 เยน (ประมาณ 3 บาท) เค้าอัดคลิปโค้งขอโทษลูกค้าแบบนี้เลย 🙏🙏🙏 twitter.com/HEISEI_love_bo…