201
การเป็นเพื่อนกันไม่ควรเป็นภาระให้กันเกินไปแล้วบอกว่า “เพื่อนกันต้องไม่ทิ้งกัน”
ตัวเองควรดูแลตัวเองได้ในระดับนึง เพื่อนก็ไม่ใช่พ่อแม่ที่มานั่งดูแลเราตลอด ควรเกรงใจเขาด้วย เขาเองก็ต้องมีเวลาส่วนตัว ถ้าเขาทำไรให้เราดีๆ ต้องรู้สึกขอบคุณ ถนอมน้ำใจ ไม่ใช่เป็นเพื่อนแล้วจะต้องช่วยตลอด+
202
ถ้าวันนึงเพื่อนไม่สะดวกช่วยก็ต้องไม่ควรไปว่าเขา ถ้าเราเคยช่วยใครแล้วหวังว่าเขาต้องช่วยกลับ = คาดหวัง
เพื่อนที่ดีคือสนับสนุนกันไปในทางที่ดี ตักเตือนได้ (ไม่ใช่หักหน้า) เป็นกำลังใจให้กัน ยินดีกับสิ่งที่ได้ดี เห็นใจถ้าเกิดไรแย่ๆ ไม่ควรซ้ำเติม ไม่นินทา ไม่ยุยงในสิ่งที่ทำแล้วอันตราย
203
เวลาคนชมอะไร มันมักจะมาจากการสังเกตและสนใจรายละเอียดปลีกย่อย รู้สึกกับเรา หรือ อยาก cheer up เรา มารยาทที่ดี คือ ‘ขอบคุณ’
ไม่ควรคิดลบ คิดไปหมดว่าคนนั้นคนนี้ไม่จริงใจ มันไม่ใช่ใครจะมาเอ่ยปากชมกันถ้าไม่มีอะไรให้รู้สึก You should take that compliment.
204
เวลาที่คนชมเราแล้วถ้าเราคิดลบ ส่วนนึงถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึก insecured ก็อาจเพราะเรามี self-esteem ต่ำ
ตัวเราเองก็ควรให้กำลังใจตัวเองด้วยนะ รู้สึกดีเวลาที่มีคนชมบ้าง เพิ่ม confidence ให้ตัวเอง เรื่องบางอย่างเรามองตัวเองไม่ออก แต่คนอื่นมองออก บางทีเราไม่ได้แย่ไปหมดหรอก :)
205
โห..ตัวใหญ่มาก
206
คนในสังคมส่วนใหญ่กลัวที่จะออกมาทำอะไรเองคนเดียว อย่าง เดินช้อปคนเดียว ดูหนังคนเดียว กินข่างคนเดียว etc. เพราะสายตาคนอื่น
อยากบอกว่า “ไม่มีไรที่น่าแปลกหรือประหลาดอะไรเลย” ดีด้วยนะ ได้ทำไรตามใจตัวเองโดยไม่ต้องมานั่งเกรงใจใคร enjoy YOU time
207
นี่ก็ทำไรเองได้ ถึงจะมีหรือไม่มีเพื่อน/แฟน ไม่จำเป็นต้องรอใคร ถ้าคิดว่ามันเพื่อความสุขของตัวเอง อย่าแขวนตัวเองกับคนอื่นมาก บางอย่างไม่เคยทำก็จะได้ลองทำ
พอทำได้แล้ว you’ll gain more confidence for yourself and be more independent.
208
จริงนะที่คนรวยหลายคนประสบความสำเร็จได้เพราะ connection เงิน backup ชื่อเสียงครอบครัว พื้นที่สื่อ etc.
มันก็ใช่ที่มีคนคาดหวังเขาสูง เขาเลยต้องพยายามมากกว่าคนอื่น ทำงานหนัก แต่เวลาล้มก็พูดได้ง่ายๆ ว่า We just try it again เพราะล้มบนฟูก
แต่คนที่ต้นทุนน้อยกว่าล้มคือลุกยากมากกว่า
209
ชีวิตรอบตัวเรามีเจ้าของธุรกิจหลายคนไงถึงบอกได้ว่า “เขาหาคนเก่งมาทำงานและมีเงินในการซื้อพื้นที่ให้ตัวเองได้” สกิลในการเอาตัวรอดในตลาดสูงกว่าค.พยายามเขานะ คนที่ทำงานหนักสุดคือทีมงาน/ลูกน้องเพราะโดนประเมินตลอด ทำไม่ได้ก็โดนปลด
ความพยายามหลักของเจ้าของคือ สกิลบริหารและการเข้าสังคม
210
บ้านแฟนนี่เลี้ยงหลานแบบให้ privacy&safety มาก
ตั้งแต่ให้เลือกเสื้อผ้า กิจกรรมที่อยากทำเอง etc. ไม่บังคับว่าต้องไปสนิทกับญาติคนไหนของทั้งพ่อและแม่ ถ้าหลานไม่รู้สึก comfortable กับใคร เขาก็จะไม่ได้ให้หลานไปหาบ่อย มีเส้นแบ่งว่าเขาทำไรได้แค่ไหน ไม่สปอย ละตอนนี้หลานนิสัยมีเหตุผลมาก
211
พ่อแม่มีลูกเมื่อพร้อมจริง โดยเฉพาะแม่คน อ่านทำค.เข้าใจธรรมชาติเด็กมาก ทั้งคู่ไม่เคยเห็นดุลูกแบบเสียงดังเลย มีแต่มานั่งคุย
ถามว่าเขารู้สึกยังไง เขาบอกเหนื่อยแต่เด็กก็คือเด็ก เขาสอนหลานให้เคารพคนอื่น ดูแลน้องแบบให้รู้สึกรักด้วย
212
กว่าแฟนเรากับน้องสาวอีกคนจะเข้าหาหลานได้นี่ก็โดนทดสอบนะ ทั้งลักษณะนิสัยว่าดูแลหลานได้ไหมถ้าปล่อยให้อยู่ด้วย
ตอนเราเข้ากับบ้านเขา จริงๆ แฟนกับน้องยังดูแลเด็กไม่ทั่วพอ เลยมาคุยกับเขาว่าให้ระวังอะไรบ้าง หลังจากนั้นแฟนทุ่มเทจริง น้องสาวเองก็เริ่มเปลี่ยน เราคอยรายงานแม่เด็กจนเขาไว้ใจ
213
เรามองว่าผู้ใหญ่บ้านนี้จะเข้าหาเด็ก ไม่ใช่ให้เด็กเข้าหาเขา
ถ้าอะไรที่เขาเห็นว่าไม่ดี เขาพร้อมปรับ ถ้าใครทำไรไม่โอเคจะพูดเตือนกัน แล้วทุกคนจะระวัง นี่ด้วยมั้งที่แต่ละคนมี character ชัดเจนมาก เป็นตัวของตัวเอง กล้าพูดว่าตัวเองแย่ตรงไหนบ้าง แล้วทุกคนพร้อมจะแก้ไข ถึงมันจะใช้เวลา
214
215
ที่น่ารักของบ้านนี้คือ
• แฟนถ้าทำงานติดๆ กัน จะบอกว่า “ไม่ได้ละ ต้องไปหาหลาน คิดถึง”
• น้องสาวถ้างานทำให้ปวดหัวจะแคนเซิลทุกคนละมาใช้เวลากับหลานๆ และครอบครัว (ต่อให้เหนื่อย)
• พ่อแม่แฟน ถ้างานไม่ยุ่งจะเรียกทุกคนมา dinner เดือนละ 2-3 ครั้ง แล้วที่บ้านจะมีกล่องของเล่นสำหรับหลาน
216
• บ้านของทุกคนจะมีรูปวาดหรือภาพที่หลานระบายสีติดไว้ที่ตู้หรือตู้เย็น มีรูปหลานๆ ใส่กรอบวางที่บ้าน
• แม่เด็กจะทำ calendar เป็นรูปหลานให้ตากับยายไว้แขวน เพื่อให้เขาอยากเจอหลานๆ
• เวลาหลานเต้นหรือทำไรได้ เขาจะเต้นตาม ให้กำลังใจมาก
ไม่แปลกใจที่หลานสุขภาพจิตดีมาก หัวเราะเก่ง
217
ทุกคนในครอบครัวช่วยกันเลี้ยงเด็กแล้วให้เวลากับ attention มาก เราว่ามันสำคัญนะ สำหรับเด็กในวัยเล็กๆ ทุกคนมีงานหมด แต่มันยังไม่ใช่ข้ออ้างที่จะมาเจอกันไม่ได้เลย จะพยายามหาทางให้เวลาตรงกัน
ของเราเองบางครั้งก็ขอเปลี่ยนเวลา กับลค.เพื่อให้ว่างมาเจอ ถึงติดงานแล้วเขาก็ไม่ได้ว่าไรก็เถอะ
218
ถ้าไม่พร้อมจะมีเด็ก ไม่มีเวลาและทุนทรัพย์มากพอ อย่ามีเขาดีกว่า ไม่มีเด็กคนไหนอยากเป็น “ภาระ” ให้คนในบ้าน เวลาที่คุณเกิดปัญหาทางการเงิน/งาน ละมาเกิด emotional breakdown ไปเบลมที่ลูก มีแล้วต้องรับผิดชอบถึงที่สุด ดูแลตัวเองได้ก่อนแบบสบายๆ ก่อนถึงค่อยมี
มันสำคัญกับเด็กเวลาโตมา
219
ความเสี่ยงที่เด็กจะทำหรือเป็นแบบเดียวกับพ่อแม่มีสูงมาก (ด้วยเหตุผลทาง DNA แฃะการเลี้ยงดู) เพราะเด็กจะมี first memory และปมในใจ
มันเป็นจุดเริ่มต้นและแรงผลักให้เด็กเวลาโตมา เลือกที่จะไปประพฤติต่อสังคมหรือตัวเองยังไงบ้าง ไม่ใช่เด็กทุกคนจะคิดได้เอง สังคมในบ้านเลยสำคัญเป็นอันดับแรก
220
#เพิ่มเติม
1. Jeff B. มีคุณตาเป็นผอ.พลังงานปรมาณู งานแรกเริ่มที่บ.ด้านการสื่อสาร ไม่นานก็ย้ายไปทำกับบ.ต่าง ๆ ใน Wall Street เช่น Fitel, Banker Trust และงานสุดท้ายที่ D. E. Shaw & Co (เป็นบริษัทเฮจฟันด์) ในตำแหน่งรองประธานอาวุโสของบ. ตอนอายุ 28 และมีเงินทุนมากพอก่อนมาตั้งบ. twitter.com/pompomcoffee/s…
221
• ไม่มีนักธุรกิจคนไหน ไม่มีทุนมากพอแล้วจะมาตั้งบ.เพราะเรียน money management
• เกมธุรกิจคิดนอกกรอบของบางคน ก็ละเมิด ethics
• พอรวยขึ้นแล้วหลายคนจะเข้ากินกิจการอื่นและเนื้อที่ทางการตลาดเพื่อขยายอาณาจักร ถ้าไม่มีกม.รับรอง พวกนี้ไม่หยุด หาที่นี่ไม่ได้ จะไปหาทางที่อื่นต่อ
222
น้องน่าจะกลัวเวที งอแงไม่ยอมเต้น คนที่แก้ปัญหาให้ได้คือคุณพ่อ ละน่ารักมาก ❤️
223
ต่อจากที่เคยทวิตเรื่องไปไหนทำไรคนเดียว (รวมทั้งเพื่อนน้อย)
อันนี้มีส่วนมาก เพราะเกี่ยวกับสมาธิ โฟกัสและการเลือก quality ที่ตรง/คล้ายกันกับคนที่คบ มันทำให้ลด conflict และความไม่สบายใจตัวเองลง ทำให้เราทำไรได้ effective มากขึ้น มีเวลาให้ตัวเอง
“มากคนจะมากความ” ถ้าต้องทำไรเร็ว twitter.com/st_vinsinth/st…
224
การเข้าสังคมยังมีประโยชน์อยู่ ในเรื่องการฝึกทักษะ บริหารสมอง แต่การเข้ามากไป มันจะทำให้เราถูก distracted ได้ง่าย เพราะต้องเกรงใจและเป็นกลางกับคนอื่น รวมทั้งเวลาของเราจะลดลงเพราะต้องคแยทำกิจกรรมเพื่อคงคสพ.ไว้
เพื่อนสนิทจริงๆ แบบไว้ใจมาก ถึงน้อยก็ไม่แปลกนะ เป็นเรื่องปกติมาก
225