151
คุณภาพชีวิตพื้นฐาน อย่าง อากาศกับน้ำสะอาด ปชชควรได้มาแบบฟรีๆ (เพราะไม่ใช่ประเทศยากจนอะไรขนาดนั้น)
แต่นี่เห็นอยากได้อะไรต้องใช้เงินซื้อมา น้ำปะปากินไม่ได้ อยากได้อากาศบริสุทธิ์ต้องใช้เครื่องฟอกอากาศ หาหน้ากากมาใส่เอา
พอปชช.บ่นก็ไล่ให้ไปอยู่บนเขา คนเชียร์ก็บอกให้เริ่มที่ตัวเอง
152
เอาไปลองฝึกเล่นดูว่าเราสามารถแยกประสาทกับจังหวะได้ดีแค่ไหน
ในคลิปคือการนับจังหวะแบบ Polyrhythm = จังหวะซ้อน (ที่มี 2 จังหวะขึ้นไป) เป็นหนึ่งในพื้นฐานการเล่นดนตรี โดยเฉพาะคนตีกลองจะทำได้ไม่ยาก
153
แค่การพูดไล่เด็กออกจากบ้าน ทำไมถึงเป็นผลเสียมากกว่า? ผลกระทบ?
สำหรับผปค.อาจดูเหมือนการลงโทษ แต่จริงๆ คือ “การทอดทิ้ง” และสร้างบาดแผลและความเกลียดชังในใจต่อเด็ก
ถึงเด็กจะทำผิด การลงโทษมากสุดแค่ “การจำกัดพื้นที่และขอบเขต”
ไม่ใช่การ “ถูกปิดประตูใส่หน้า” ให้รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง+
154
คุยกับแฟนเมื่อวานได้แค่ 5 นาที เพราะเหนื่อยงาน แฟนบอกวันนี้เพื่อนเขานัดปาร์ตี้กัน แต่เขาเห็นเราเหนื่อยเลยอยากคอยอยู่คุยตอนเราตื่น
เขาน่ารักล่ะ แต่ไม่เอา บอกให้เขาไปสนุกกับเพื่อน เราไม่เป็นไร นอนตื่นมาก็หาย เขาควรไปสังสรรค์ อัพเดตชีวิตกับเพื่อน กลับเมื่อไหร่ก็แค่ส่ง message มาพอ
155
นี่เป็นพวกมีแฟนแล้วอยากให้เขายังใช้ชีวิตปกติเหมือนตอนเขาโสดได้
เรื่องจะคุย/เจอเพื่อน ไปมาหาสู่ครอบครัว ทำงาน ไม่มีปัญหาสำหรับเรา แค่ว่าเขา set แบ่งเวลาได้ ไม่ทำไรมากเกินไปก็พอแล้ว เข้าใจว่าเขา/เราต่างก็มีสังคมและเวลาของตัวเอง ไม่ได้ต้องการครอบครองชีวิตกัน ควรอยู่แล้วสบายใจ
156
ประวัติที่มา “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ที่ถูกคิดค้นโดยคุณอันโดะ ชาวญี่ปุ่น เขายังเป็นผู้ก่อตั้งบ.นิชชิน (นิชชินเป็นบ.แรกของโลกที่ทำ) และไอเดียการเอามาทอดเพื่อไล่ความชื้นออก ก็มาจากการที่เห็นภรรยาทำเทมปุระ
157
การที่ไม่เริ่มเรียนภาษาไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดแปลก ไม่ได้เป็นข้อบังคับในชีวิตว่าถ้าไม่เรียนคือจุดด้อยของสังคม
แต่ถ้าวันนึงรู้สึกว่าอยากให้มันเป็น option นึงในชีวิตที่อยากก้าวหน้าทางการงาน การศึกษาหรืออยากเข้าถึง resource อื่นๆ ต่างภาษาก็ค่อยเรียน ใช้ชีวิตตามที่ตัวเองตั้งใจ twitter.com/englishbykruan…
158
อื้อหือ Pop-up book สมัยก่อน 😳
159
ถ้าเด็กคนนึงเขามีคำถามซ้ำๆ ว่า “ทำไมทำเขาเกิดมาแล้วพ่อแม่ไม่เลี้ยง พอเขาโตแล้วต้องเลี้ยงกลับ”
ผิด?
มีสิทธิ์อะไรที่ไปตราหน้าหรือบอกชีวิตเด็กเหล่านั้นว่า “ไม่ได้ คิดแบบนั้นไม่ได้ มันบาป”
ดีเนาะ มองข้ามความเจ็บปวดของเด็ก มองแต่ตัวเองเสียผลประโยชน์
160
แฟนน่ารัก ทุกความสำเร็จอะไรก็ตามเล็กๆ น้อยๆ อย่าง ได้ออกกำลังกาย ทำข้าวกล่องไปกินเอง etc. เขาจะแวะโทรมาบอก (2 นาทีแล้วไปทำงานต่อ)
นี่ล่าสุดโทรมาบอกเพิ่งเซ็นขอกู้ธ.ไป พี่แกดีใจ
ส่วนเราโทรมาทีไรก็บอก congrats and I’m so proud of you ตลอด บอกรักก่อนวางสาย เขาจะหัวเราะ+ขอบคุณ
161
เมื่อวานซืนคุยเรื่อง Negotiation กับคนญี่ปุ่น (ตำแหน่งผู้บริหาร) เขาดีลกับ 3 ประเทศ คือ จีน ไทย อินเดีย เราเลยถามว่าแต่ละชาติ เขามองว่านิสัยเป็นยังไง
• จีน: อยากรู้อยากเห็น อยากทำเอง
• อินเดีย: ได้คืบจะเอาศอก
• ไทย: คิดว่าตัวเองทำดีสุด ไม่รับฟัง ทำผิดก็ไม่แก้
162
เขาบอกว่าสกิลในการรับฟังของไทยดูไม่ค่อยสูง โดยเฉพาะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวแยกไม่ค่อยได้ จะมีข้อโต้แย้งมาลบหมด แก้ไม่ถูกจุด พอชี้ว่าผิดตรงไหน ก็ชอบบอกว่าไม่เป็นไรๆ ตอนประชุมก็ไม่ถามเวลาไม่เข้าใจ
น้อยคนที่จะเข้ามาถามตรงๆ หรือแสดงความคิดเห็น เขาเองก็ไม่เข้าใจ
163
โดนหักหน้าจากคนสนิทนี่คือจากแฟนเก่า
• พี่คนไทยบอกเขาว่า “ได้แฟนสวยนะ” แล้วนางบอก “ก็งั้นๆ ล่ะ”
• คุยเรื่องจะเรียนต่อ พี่คนไทยบอก “เรียนได้อยู่แล้ว ลูกสาวแม่เก่ง” นางบอก “โอ๊ย ยากจะตายจะไปไหวหรอ”
พอเล่าให้แฟนคนนอร์ชฟัง เขาตกใจ บอกว่าเราให้กำลังใจเขาตลอดตั้งแต่ Day1 ทนไปได้ไง
164
เอาจริงๆ หน้าชานะ ละต่อหน้าคนอื่น พวกพี่ๆ เขาก็มาบ่นให้ฟังว่าปากเขาแย่มาก พวกพี่ๆ เขาไม่ได้มีใครอยากคบเพราะชอบพูดขวางโลก ไม่มีไรก็ไม่ติดต่อ แต่บางทีชวนเพราะเห็นยังเป็นน้องเป็นนุ่ง
คือนี่ต้องมาได้ยินคนอื่นเล่าให้ฟังแทน ฟังเงียบๆ เพราะปากเขาเป็นแบบนั้นจริงๆ ทนหลายรอบแล้วจนไม่ไหว
165
เบ่งบาน positive แค่ไหนก็เหี่ยวได้บอกเลยถ้าอยู่กันคน mindset แย่ จากคนสุขภาพจิตดีๆ เริ่มหัวเสีย วันๆ เหมือนมีเมฆไรอยู่บนหัว อะไรที่คิดว่าทำได้กลายเป็นไม่อยากทำ เขามองคนอื่นลบหมด แม้แต่คนรัก ไม่มีที่ให้ใครทั้งนั้น จนวันนึงมาคิดว่าเราจะอยู่ไปเพื่ออะไร?
เขาบอกให้อยู่แบบเป็น roomate
166
กลับมาต้องเจอเราอยู่บ้าน ไปไหนก็ต้องรายงาน พอเราไม่อยู่สิ่งที่คิดถึงคือเสียงเดินกับกดคีย์บอร์ด? พอพูดก็ไม่ฟังหาว่าเราคุ้ยปัญหา (เพราะมันไม่เคยถูกแก้) เขาบอกคิดเองไม่เป็น ไม่ชินเพราะอยู่คนเดียวมาตลอด ต้องให้เราสั่ง
คือถ้าไม่พร้อมจะมี relationship อย่ามีแต่ต้นเพื่อสนองตัวเอง
167
พอเจอความรักที่ดี คนที่เขาพร้อมมี โตพอที่จะคุยกับเรารู้เรื่อง มันเหมือนคนละโลก แฟนนอร์ชเขาโสดมา 5 ปีเพื่อทำค.เข้าใจกับตัวเองว่าต้องการอะไร ระหว่างนั้นเดตกับใครไม่ใช่ก็ไม่สานต่อ
ทุกวันนี้เขากลัวแต่เราจะหายไป พยายามรักษาเราไว้ upgrade ตัวเองเพื่อให้อนาคตมันเดินไปพร้อมกันได้
168
ชอบห้อง dinning แบบนี้ ชอบความแกมีความสุขมากได้อวดบ้าน แต่ฝรั่งเป็นแบบนี้จริงๆ นะ ไปบ้านใครคือเขาพาทัวร์บ้าน แบบภูมิใจมาก พาดูถึงห้องนอน ห้องน้ำ
169
ส่วนตัวมองว่ามีเยอะนะร้านอาหารไทยแบบ Fine Dining ร้านหรูๆในตปท.เองก็ทำแบบฟิวชั่น คนไทยอาจไม่ชิน
มองเป็นศิลปะทางอาหาร นำเสนอวัตถุดิบที่ดีที่สุดที่มีในไทยยกทำแบบสากลเพิ่มมูลค่า แล้วการเลี้ยงอาหารผู้นำหลายๆ งานก็มีนัยยะซ่อน ไม่ได้หากินง่ายเพราะคัดเป็นอาหารพิเศษเฉพาะ special event + twitter.com/weeranan/statu…
170
กับแฟนนี่มีเรื่องที่แข่งกันอยู่คือเรื่องไม่ปล่อยตัวเองให้ดูแก่ อ้วน หรือโทรม ยังต้อง look attractive กันและกันอยู่ ถ้าไม่ได้ป่วยไรนะ แต่ถ้าต้องโทรม นน.ขึ้นเพราะป่วย ไม่เป็นไร ค่อยๆ รักษาได้
ไม่ต้องขนาดแบบว่าหุ่นดี ผิวงาม เลิศเลอแค่ว่าอยู่ในเกณฑ์ healthy มี confidence พอ
171
นี่ช่วยดูแลเขาเรื่องสกินแคร์กับพวกผิวให้ ส่วนเขาดูแลเรื่อง healthy smoothies ให้กับพวกข้อมูลเรื่องสารอาหาร ส่วนออกกำลังก็ทำแยกกันเพราะออกแบบคนละไทป์ เราเน้น weight lifting มากกว่า ถ้าเขาเมื่อยเรานวด ถ้าเราหิวเขาจะซื้อ/ทำอะไรให้กิน ผลัดกันแบบนี้มาตลอดตั้งแต่คบกันแล้ว
172
นี่ก็เพิ่งรู้ว่าที่เขาบอกเวลานอนให้นับแกะ เพราะการออกเสียงคำว่า “Sheep” ทำให้เราต้องหายใจออก ระบบประสาทพาราซิมพาเทติกจะทำงานได้มากกว่า พอนับ one sheep, two sheep, three…. มันคือหารทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายจนหลับ
ถ้าอย่างนั้นตอนเราพูดคำที่ออกเสียงใกล้เคียงก็น่าจะมีผลคล้ายกัน?
173
เรื่องคำปลอบใดๆ ว่าควรพูดแบบไหนยังไง แทนที่จะมานั่งเถียงกัน นี่ยังไม่เห็นมีใครคิดศึกษาเรื่องพวกนี้เลย บ้างก็แซะผู้ป่วย บ้างก็เอาอารมณ์ตัวเองตั้งว่าทำไมต้องไปฟัง
ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องการสื่อสารอีกรูปแบบ อย่างวัฒนธรรมตะวันตกเอง เขาระวังมากเหมือนกันในการสื่อสาร หรือระวังคำพูด+
174
ปัญหา คือ ผช.หลายคนไม่เข้าใจคำว่า “งานอดิเรก” แต่ต้น หรือ เข้าใจผิดๆ
งานอดิเรก = กิจกรรมที่ทำยามว่าง เพื่อผ่อนคลาย ส่งผลดีต่อสุขภาพ ถ้าต้องจริงจังแบบรู้จริงรู้ลึก หรือ ทำเพราะตามคนอื่น ไม่รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้เรียก งานอดิเรก twitter.com/npkp_s/status/…
175
วิธีบริหารข้อเท้า ดีนะฝึกการทรงตัว ช่วยให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบๆ แข็งแรงขึ้น ลดปวด ป้องกันการยึดติดของข้อต่อ ลดการเป็นตะคริว เลือดไหลเวียนดีขึ้น
เพราะในแต่ละวันเท้าต้องรับน้ำหนักตัวนานๆ หรือ เวลานั่งห้อยเท้านานๆ ของเหลวจะมาคั่งที่เท้า ไหลเวียนไม่ดี