ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นมีลูกค้าขาประจำมายืนรอที่หน้าร้านแทบทุกวัน ลูกค้ารายนี้ชื่อว่า “น้องกระสานวล” (ถ้าน้องโตเต็มวัยน้องจะมีความสูงประมาณ 95 เซนติเมตรเลยนะ เป็นพันธุ์นกที่ถือว่าตัวใหญ่มาก)
เคล็ดลับความสำเร็จของธุรกิจ QB House ร้านตัดผมสัญชาติญี่ปุ่นที่กล้าเคลมว่า “ใช้เวลาตัดแค่ 10 นาที ในราคาย่อมเยาที่สุดในตลาดด้วยราคา 1,000 เยน”(260 บาท) ผมลองเอาความรู้ด้านการตลาดที่เรียนมาจาก ม.GLOBIS Mba No.1 ในญี่ปุ่นมาวิเคราะห์ดู อยากให้เพื่อนๆอ่านดู #ธุรกิจญี่ปุ่นกับคุณบูม
ของเล่นเด็กไอเดียสุดเจ๋ง จากดีไซเนอร์ของเล่นชาวญี่ปุ่น
ห่อเบนโตะไปกินที่ทำงานมีความเสี่ยงต่อเชื่อโรคแค่ไหน!? ใครเป็นสายห่อเบนโตะไปกินที่ทำงานต้องระวังเรื่องอะไรบ้าง แนะนำโดยรายการญี่ปุ่น Lesson! Ima Desho #สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม
แล้วยังมีเหล่าดารานักแสดงท่านอื่นๆ จากที่จะไปเข้าร่วม GMMTV FAN FEST2022 รวม 11 คนครับ
สื่อญี่ปุ่นลงข่าว #ไบร์ทวิน เดินทางมาถึงญี่ปุ่นแล้ว เพื่อเข้าร่วมงานพบปะแฟนคลับ 20,000 คนเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น หลังจบอีเวนท์ไบร์ทวินได้เจอป๋าโยชิกิแห่งวง XJapan ด้วย เลยได้โพสต์ท่าอย่างที่เห็นในภาพเลยครับ Cr: ANN News
เชื้อโรคแพร่พันธุ์ได้ง่ายในอุณหภูมิเท่าไหร่!? น้อยกว่า -10 องศา : ไม่เพิ่ม -10 ถึง 0 องศา : แทบไม่เพิ่ม 0 ถึง 10 องศา : เชื้อโรคบางชนิดสามารถแพร่พันธุ์ได้ 10 ถึง 20 องศา :แพร่พันธุ์ได้แบบช้าๆ 20 ถึง 50 องศา :แพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว (เพราะเป็นช่วงอุณหภูมิที่เชื้อโรคชอบ)โดยเฉพาะ..
วันนี้ผมจะมารีวิวแพลตฟอร์มเรียนพูดภาษาอังกฤษออนไลน์อันดับ 1 ของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Engoo (ญี่ปุ่นชื่อ DMM Eikaiwa) ประเด็นคือ เราสามารถใช้ประโยชน์โดยให้ครูของที่นี่เป็นผู้ช่วยด้านภาษาอังกฤษให้เราได้ตลอด 24 ชั่วโมง ชีวิตสะดวกขึ้นเยอะมาก บรรยากาศเป็นไง อ่านทั้งหมดได้ในเธรดนี้ครับ
สรุปเรื่องนี้คือ -แนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำขวดแบบปากสัมผัสที่ฝาขวด ถ้าเป็นได้แนะนำเทลงแก้วแล้วดื่มจากแก้วแทน -ถ้าออกนอกบ้านให้เทน้ำใส่กระบอกรักษาความเย็น แล้วค่อยพกพาไปดื่มนอกบ้าน หวังว่าจะมีประโยชน์นะครับ #สาระญี่ปุ่นกับคุณบูม #สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม
3. ถ้าออกไปข้างนอก แล้วอยากติดเครื่องดื่มติดตัวไปด้วยก็ควรรักษาอุณหภูมิเครื่องดื่มไม่ให้สูง โดยอาจจะเทน้ำใส่กระบอกน้ำเก็บความเย็นเอาไว้ แล้วพกไปไหนมาไหนแทน
ส่วนวิธีแก้ไขปัญหานี้ 1. คือการเอาน้ำแช่ตู้เย็น จะช่วยลดการเพิ่มจำนวนของเชื้อโรคได้ (ที่อุณหภูมิห้องเชื้อโรคจะเพิ่มขึ้นเร็วมาก ยิ่งร้อนๆ ประมาณ 35 องศา เชื้อโรคเพิ่มได้เร็วสุด) 2. เวลาจะดื่มน้ำ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มแบบปากติดขวด หรือจะใข้การเทน้ำแล้วดื่มจากแก้วแทนจะดีที่สุด
ในส่วนของน้ำเปล่านั้นจะสังเกตได้เลยว่าปริมาณเชื้อโรคแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็เป็นไปตามคาดหมาย เพราะน้ำเปล่านั้นไม่มีสารอาหารอะไรสำหรับเชื้อโรค เลยกลายเป็นว่า สามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อโรคได้ครับ
ในส่วนของชาเขียวบางคนสงสัยว่าทำไมเชื้อโรคเพิ่มขึ้นเยอะขนาดนี้ เพราะคนเข้าใจว่า สาร Catechinในชาเขียวมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อโรคได้ ทำไมถึงไม่เวิร์คในกรณีนี้ คุณหมอบอกว่าเป็นเพราะคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในใบชา เป็นสารอาหารที่เชื้อโรคชอบทำให้เชื้อโรคขยายตัวรวดเร็ว
ในส่วนของ Sport Drink ที่ปริมาณเชื่อโรคลดลง!! เมื่อเวลาผ่านไป เป็นเพราะว่า sport drink มีความเป็นกรด แล้วเชื้อโรคไม่ชอบสภาวะที่มีเป็นกรด หรือเป็นด่างมากเกินไป มันก็เลยไม่เพิ่มจำนวนใน Sport Drink ครับ (คุณหมอกับนักวิจัยก็ตกใจกับผลที่ออกมาเหมือนกันนะครับ เชื้อโรคน้อยลงด้วย)
จะเห็นได้ว่าชาข้าวบาร์เลย์มีเชื้อโรคเพิ่มสูงสุดคือ 75 เท่า ซึ่งคุณหมอบอกว่าสาเหตุคือ ชาข้าวบาร์เลย์ ทำมาจากข้าวบาร์เลย์ซึ่งเป็นธัญพืชประเภทหนึ่งที่เชื้อโรคชอบมากเพราะในข้าวบาร์เลย์นั้นมีคาร์โบไฮเดรตที่เป็นอาหารของมัน เมื่อมันได้สารอาหารนี้เลยแพร่พันธุ์ได้รวดเร็ว
12 ชั่วโมง > 16 ชั่วโมง > 20 ชั่วโมง > 24 ชั่วโมงผ่านไป มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ น้ำเปล่า 330> 296> 196> 196 ชาเขียว 910>3500>8200>10,000 (59 เท่าตัว!) ชาข้าวบาร์เลย์ 1300>5000>9000>27000 (75 เท่าตัว!) Sport drink 0 >0 >0 >0 น้ำส้ม 288>340>530>5000 (34 เท่าตัว!)
2 ชั่วโมง > 4 ชั่วโมง > 8 ชั่วโมงถัดไปวัดเชื้อโรคได้ดังนี้ -น้ำเปล่า 390 > 140 >160 > 240 -ชาเขียว 170 > 550 > 410 > 700 -ชาข้าวบาร์เลย์ 360> 480 > 580 > 930 -Sport Drink 16 > 66 >0 > 0 (เชื้อโรคลดลงด้วย!) -น้ำส้ม 148 > 450 > 80 > 116
แล้วนี่คือจุดตั้งต้นของการทดลองนี้ครับ จำนวนเชื้อโรคเมื่อเริ่มต้นการทดลอง (วัดหลังจากที่มีการเปิดขวดดื่มน้ำ แล้วเชื้อโรคในปากจะเข้าไปในน้ำดื่มแต่ละประเภท น้ำเปล่า 390 ชาเขียว 170 ชาข้าวบาร์เลย์ 360 Sport Drink 16 น้ำส้ม 148
แล้วเอาน้ำที่เหลืออยู่ในขวด มาเก็บไว้ในตู้ที่ควบคุมอุณหภูมิ 30 องศา (จำลองสถานการณ์เหมือนวางขวดน้ำทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง) แล้วจึงวัดจำนวนเชื้อที่อยู่ในเครื่องดื่มต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไป 2, 4, 8, 12, 16, 20, 24 ชั่วโมง มาดูกันครับว่า แต่ละเครื่องดื่มจะมีเชื้อโรคมากขึ้นแค่ไหน
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นรายการได้ขอให้คุณ Yamaguchi ประธานบริษัทตรวจเชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในอาหารช่วยทำการทดสอบ โดยจะเอาเครื่องดื่ม 5 ชนิดที่คนญี่ปุ่นนิยมดื่มกันในหน้าร้อน ได้แก่ น้ำเปล่า, ชาเขียว, ชาข้าวบาร์เลย์, sport drinks และน้ำส้ม มาทดลองดู โดยให้อาสาสมัครดื่มน้ำต่างๆจากขวด
เมื่อเชื้อโรคจากช่องปากเข้าไปในขวดน้ำ มันจะแพร่พันธุ์ได้ง่าย ขยายตัวเยอะ (ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำด้วย) พอมีเชื้อโรคมากๆ แล้วเราดื่มเข้าไปใหม่ ก็เหมือนเราดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคเยอะ อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้เลย บางคนปวดท้อง บางคนถึงขั้นอาเจียนเลยก็มี
มีคนสงสัย แล้วถ้ามันเป็นเชื้อโรคที่มาจากช่องปากเราอยู่แล้ว จะกลับเข้าไปในปากเราอีกทีคงจะไม่เป็นไรมั้ง!? คุณหมอตอบว่า ในช่องปากเรายังดีที่มีน้ำลายที่ช่วยยับยั้งการแพร่พันธุ์ของเชื้อโรคได้ แต่ในขวดน้ำมันไม่ใช่อย่างนั้นสิ
เรื่องนี้ผมดูมาจากรายการญี่ปุ่นชื่อว่า Lesson Ima Desho คุณหมอคุสุมิท่านมาให้ความรู้ว่า การเปิดขวดน้ำดื่มแล้วดื่มทางปาก (ผมก็นิยมดื่มวิธีนี้) จะทำให้เชื้อโรคที่อยู่ในช่องปากของเราเข้าไปอยู่ในเครื่องดื่มได้ เมื่อเวลาผ่านไปเชื้อโรคเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นมาก มากขนาดที่เราอาจคาดไม่ถึงเลย
เค้าว่ากันว่าน้ำขวดที่เปิดฝาดื่มไปแล้ว ถ้าดื่มไม่หมดแล้วปิดฝาวางทิ้งไว้ มีความเสี่ยงที่เชื้อโรคในขวดจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งเครื่องดื่มบางชนิดแค่วางทิ้งไว้ 1 วัน ตรวจพบว่ามีเชื้อโรคมากกว่าเดิมถึง 75 เท่า! เครื่องดื่มที่ว่าจะเป็นอะไร แล้วเรามีวิธีป้องกันเรื่องนี้อย่างไรไปอ่านกัน
เหล่ามาสคอตญี่ปุ่นอาจจะต้องบินมาดูงานที่ไืทยนะครับ 555555 twitter.com/PFCFORLIVE/sta…