⠵⠑⠝⠚⠊(@zenjigame)さんの人気ツイート(古い順)

126
(4) ทว่าในปัจจุบันคำนี้ได้ขยายค.หมายโดยคลุมถึง “ตัวผู้ชาย” ที่ใช้ค.รุนแรงในการแก้ปัญหา เหยียดเพศ ทัศนคติป่วย ด้วย ซึ่งฉีกออกจากค.หมายที่ใช้แต่แรก ในแง่นี้จึงอาจจะต้องดูบริบทในการใช้ดีๆ ครับ ค.หมายล่าสุดยังถูกจำกัดในเชิงวิชาการ ดังนั้นหากใครใช้ในงานวิชาการอาจจะต้องระวังนิดนึงครับ
127
(5) ด้วยกระแสการใช้ toxic masculinity ที่มากขึ้น คำอย่าง toxic femininity ก็เกิดขึ้นมาด้วย ตรงนี้เป็นปัญหาว่า มันเกิดขึ้นมาจากการเทียบกับ toxic masculinity ใน sense ไหน? แต่ถ้ายึดตามขนบ คำนี้ควรอ้างถึงภาวะที่ความเป็นหญิงตามบรรทัดฐานสังคมถูกใช้ทำร้ายผู้หญิงและส่งผลเสียต่อสังคม
128
(6) เช่นค่านิยม อาทิ ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว ผู้หญิงห้ามพูดจาโผงผาง ผู้หญิงควรนอบน้อมเชื่อฟังคนอื่น ผู้หญิงต้องมีเสน่ห์ปลายจวัก ได้ไปกดทับเสรีภาพพึงกระทำได้ของผู้หญิง หรือสร้างเงื่อนไขให้ผู้หญิงเสียเอง
129
(7) ในแง่นึง พอค.หมายของ toxic masculinity กว้างขึ้น คำนี้ก็นำไปใช้ในค.หมายว่า “ผู้หญิง” ที่มีพฤติกรรมหรือทัศนคติแย่ อยู่แล้วรู้สึกเป็นพิษ ได้เช่นกัน ตอนนี้ทั้งสองคำอยู่ในภาวะที่ค.หมายเกิดค.ลื่นไหลอยู่ หากนำไปใช้ควรระบุค.หมายที่ต้องการสื่อให้ชัดเจนเพื่อกันค.เข้าใจคลาดเคลื่อนครับ
130
สอนเรื่องการเขียนความนำใน essay เชิงวิชากรไปเมื่อวาน เอาสไลด์ส่วนหนึ่งที่ใช้สอนมาแชร์ครับ สไลด์พูดถึงขั้นตอนของการเขียนความนำที่ treat ความนำเหมือนบทคัดย่อหรือเรื่องย่อของงานเขียน เป็นลักษณะการเขียนความนำที่ใช้กับการงานได้หลายประเภท ทั้งเปเปอร์วิจัย เปเปอร์ส่งในคลาส
131
ทำ self-reflection บ่อย จนมีไกด์ไลน์ที่ใช้ประจำ อยากสำรวจตัวเองแต่ไม่รู้เริ่มยังไงลองดูสูตรผมกัน 55 1 ตอนนี้ทำกี่บทบาท 2 บทบาทต่างๆ ดำเนินราบลื่นไหม อะไรกำลังจะจบ อะไรเพิ่งเริ่ม ทิศทางแต่ละอันเป็นไง 3 แต่ละบทบาท โอเค/ไม่โอเค? เพราะอะไร? (อันนี้ทำเพื่อหาต้นตอการ burn out ด้วย)
132
สมัยเรียนก็ว่ามันหนักจริงแหละ แต่ไม่รู้ภาคอื่นยังไง พอผลสำรวจนี้ออกมาพูดได้มากขึ้นหน่อยว่า ภาคสังคมปี 3 คือตายจริงๆ บ่นกันทุกรุ่น เปลี่ยนหลักสูตรแล้วก็ไม่ได้ “เข้มข้น” น้อยลงแต่อย่างใด 55
133
มีคอร์สออนไลน์มาเสนอครับ เป็นคอร์สโดยภาควิชาภาษาศาสตร์ จุฬา คอร์สนี้มีที้งสิ้น 11 ตอน พูดถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงภาษา (Language Change) ตัวคอร์สจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในทุกระดับเลยครับ ตั้งแต่เสียง คำ ไวยากรณ์ ใครสนใจลองดูคลิปแนะนำได้ครับ youtu.be/8IZFvhUXfnc
134
ที่ปรึกษาป.ตรีพูดว่ามีคนในโลกวิชาการสองแบบใหญ่ ๆ คนที่ see things as they are กับ see things as they should be 2 แบบนี้ไม่ได้ compete กัน แต่ compromise สำคัญคือ ต้องรู้จักเรียนรู้ว่าอีกฝ่าย set value ไว้ยังไง แบบไหน เรื่องต่าง ๆ ของเราอยู่จุดไหนบน spectrum นี้
135
#มีศัพท์Textมาเสนอ อ่าน Text แล้วเจอศัพท์น่าสนใจ 1. lyceum = ใน text ให้ค.หมายว่า ห้องแสดงปาฐกถา แต่จริงๆ ยังหมายถึงสถานศึกษารูปแบบหนึ่งด้วยครับ 2. bequeath = กริยา แปลว่า มอบให้ ยกให้ ใน text ใช้ในบริบทที่คนมีค.รู้มากกว่ายกค.รู้ให้ 3. Chalatan = คนแสร้งทำเป็นมีค.รู้ มีทักษะ
136
FYI สำหรับคนเรียนภาษาญี่ปุ่น การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นในประเทศไทยไม่ได้มีแค่ JLPT นะครับ จริงๆ มี 4 อัน (เท่าที่ผมรู้) วันนี้โดนนร.ถามมาเลยมาแชร์ด้วย JLPT EJU อันนี้เป็นข้อสอบเพื่อเข้ามหาลัยที่ญป JPT อันนี้เหมือน TOEIC เลยครับ J TEST อันนี้จะคล้าย ๆ IELTS มีเขียนด้วย
137
#มีศัพท์Textมาเสนอ credulity = ความเชื่อคนง่าย, หูเบา satirize = ถากถาง, เหน็บแนม frivolous = เหลาะแหละ, ทำอะไรเล่นๆ ไม่เอาจริงเอาจัง unselfconcious = ซึ่งไม่เสแสร้ง blatantly = (แสดงออกมา) อย่างโจ่งแจ้ง arduous = อันแสนยากลำบาก, ตรากตรำ esoteric = (บางอย่าง) ซึ่งรู้กันในวงจำกัด
138
#มีศัพท์Textมาเสนอ servitude = ความเป็นทาส ถ้าใช้ในเชิงรัฐศาสตร์หรือกฎหมายแปลว่า “ภาระจำยอม” ได้ด้วยครับ horrid = น่ากลัว, น่าสยดสยอง palpable = ซึ่งสัมผัสได้, ซึ่งรับรู้ได้ชัดเจน virility = ความมีกำลังวังชา malady = โรค ignominiously = อย่างน่าอัปยสอดสู
139
#มีศัพท์Textมาเสนอ ardently = (มีอารมณ์) อย่างแรงกล้า yearning = ความปราถนาอันแสนยาวนาน (ในอะไรบางอย่าง) brazenly = อย่างไม่เกรงกลัว grandeur = สิ่งที่ดูสูงศักดิ์ inveterate = ที่ติดเป็นนิสัย monumental = อย่างมหันต์ prosaic = ธรรมดาๆ จืดชืด peripatetic = เดินทางไป-มา
140
มันไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณอ่านหนังสือประเภทไหน มันอยู่ที่ว่าคุณอ่านเพื่ออะไร สิ่งที่คุณได้จากหนังสือ แม้เป็นเล่มเดียวกัน ก็จะต่างกัน วันที่คุณหยิบหนังสือเล่มเก่ามาอ่านใหม่ด้วยจุดประสงค์ในหัวที่ต่างจากเดิม โลกอักขระในนั้นก็กลายเป็นการเดินทางครั้งใหม่ให้คุณได้ตื่นเต้นไปกับมันอีกครั้ง
141
ตอนบอกคนอื่นว่าเรียนภาษาศาสตร์ คำถามที่ได้กลับมาคือ “เรียนภาษาอะไร” มาครับผมจะเล่าให้ฟังว่า ภาษาศาสตร์ “เรียนอะไร” ภาษาศาสตร์เน้นศึกษาระบบภาษาที่มีอยู่ในโลกครับ = ไม่ได้ศึกษาภาษาใดภาษาหนึ่ง แต่ศึกษาระบบภาษาที่ทุกภาษามี แล้วทำการเปรียบเทียบ วิเคราะห์ ดูพลวัตรในนั้น
142
ระบบภาษาที่ว่านี้แบ่งออกเป็น 6 ด้านใหญ่ๆ คือ 1. ด้านเสียงในภาษา (phonetics) เป็นด้านที่เน้นศึกษาการออกเสียงเชิงกายภาพในภาษานั้นๆ เลยครับ มีความวิทย์จ๋าอยู่ ดูเคลื่อนเสียง ดูการแปรของเสียงในภาษานั้น เช่น สระอีที่คนไทยกับคนจีนมีเหมือนกัน ออกเสียงเหมือนกันจริงๆ ไหม เป็นต้น
143
#มีหนังสือมาเสนอ สำหรับใครที่สนใจทฤษฎีสังคมวิทยา (ทั้งมีพื้นและไม่มี) เล่มนี้เป็นเล่มที่ควรค่าแก่การอ่านมากครับ ถ้าจะให้อวยก็เป็นเล่มที่ดีที่สุดที่ผมเคยอ่านมา นส.มี original quotation ของนักคิดต่างๆ และตัวอย่างปรากฏการณ์ที่ทำให้เห็นภาพว่าแนวคิดนั้นๆ นำไปใช้อย่างไร ลองหาอ่านดูครับ
144
#มีศัพท์Textมาเสนอ intellectuals = ปัญญาชน mavericks = ผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด, พวกสวนกระแส, พวกแหวกแนว proletariate = ชนชั้นกรรมาชีพ lumpenproletariate = ชนชั้นล่าง, เศษชนชั้น bourgeoisie = ชนชั้นนายทุน, ชนชั้นกลาง, ชนชั้นกระฎุมพี technocrat = ขุนนางนักวิชาการ
145
ไปค่ายเยาว์แล้วมีน้องคนนึงถามประมาณว่าเข้ารัดสาด ฬ skill อะไรสำคัญบ้าง? อันแรกที่ควรมีแน่ๆ คือ สกิลอ่าน text อิ้ง Slide + sheet เป็นอิ้งเยอะ สกิลไม่ต้องถึงขั้นเทพอะไร เอาให้อ่านแล้วจับใจความได้ อ่านไม่ช้ามาก ถ้าใครจะเข้าว่างๆ ฝึกจากพวกเว็บไซต์สำนักข่าวดู
146
มีโอกาสได้ติวเศรษฐศาสตร์มหาภาคพื้นฐานให้รุ่นน้องที่คณะ เอาส่วนหนึ่งของสไลด์ที่ทำมาแชร์ครับ เผื่อใครกำลังประสบชะตากรรมต้องอ่านเรื่องเดียวกัน ได้ยินจากนร.ที่จะสอบเข้ามหาลัยว่า เนื้อหาเศรษฐศาสตร์ม.ปลายตอนนี้ก็โหดเอาเรื่องด้วย หวังว่าจะช่วยครับ
147
เคยสงสัยไหมครับว่า self คืออะไร? สังคมมีส่วนช่วยในการสร้างตัวตนเราไหม? พันธุกรรม และ/หรือ การเลี้ยงดูเข้ามาเอี่ยวกับความเป็นมนุษย์ขนาดไหน? บทความนี้ผมตั้งใจเล่าสิ่งเหล่านี้ผ่านเลนส์ทางสังคมวิทยาครับ minimore.com/b/QJqAj/3
148
#มีศัพท์Textมาเสนอ Alienation = ความรู้สึกแปลกแยก (สังคมวิทยา: ภาวะที่บุคคลถูกทำให้กลายเป็นอื่น หรือไม่มีค.เชื่อมต่อกับสังคม), อัญภาวะ Dissociation = กลไกทางจิตแตกแยก (จิตวิทยา: ภาวะที่คนคนหนึ่งมีบุคลิกอื่นที่ต่างจากปกติชั่วคราว) Xenocentrism = นัตนิยมทางวัฒนธรรม
149
เรียนสังคมวิทยา เอาจริงเหนื่อยนะ ทุกวินาทีในสังคมคือ รันเวย์ ต้องผงาดเท่าทันเหตุการณ์น้อยใหญ่ในสังคม ขั้นปรมจารย์ในวงการนี้จะออกแนว enlighten ไปจุดที่ เรื่องที่พวกนายอินกันตอนนี้ ฉันรู้มาตั้งแต่ 10 ปีก่อนแล้ว 55
150
#มีหนังสือมาเสนอ ทรัพยากรค.รู้ขุมหนึ่งที่สังคมวิทยาไม่ค่อยนำมาใช้เป็นข้อมูลในการศึกษาคือ วรรณกรรมและเรื่องเล่าครับ นส.เล่มนี้เป็น monograph ที่นำเสนอว่าสิ่งเหล่านี้เองก็บรรจุค.รู้เกี่ยวกับสังคมไว้ รวมถึงนำเสนอหนทางใช้สิ่งเหล่านี้ในการศึกษาสังคมวิทยาครับ ใครสนใจลองหาอ่านดูนะครับ