รวมเทคนิคการใช้ยาหยอดตาจากผู้ผลิตยาหยอดตาชื่อดังของญี่ปุ่น บางอันน่าจะรู้กันบ้างแล้ว แต่บางอันผมก็เพิ่งได้ยินเหมือนกัน . จะเป็นเทคนิคอะไรบ้างนั้น ติดตามได้ในโพสต์นี้เลยครับ #สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม Cr: รายการ Hanataka no Yuetsukan
วิธีแก้ไขปัญหารองเท้าเหลืองให้กลับมาขาวใหม่ได้อีกครั้ง แนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดรองเท้าทุกประเภทในประเทศญี่ปุ่น . จากรายการ Hanataka no Yuetsukan #สาระญี่ปุ่นกับคุณบูม
เรื่องนี้คนญี่ปุ่นรู้น้อยมาก แค่ 11% เค้าแนะนำให้ใช้ “น้ำส้มสายชู” (ฤทธิ์กรดค่อนข้างแรง) . เติมน้ำลงในถัง ถ้าใช้น้ำ 3-4 ลิตร ก็ให้เติมน้ำส้มสายชูลงไปประมาณ 200ml แล้วก็เอารองเท้าผ้าใบแช่ทิ้งไว้ในนั้น อาจจะประมาณ 6 ชม หรือครึ่งวัน เสร็จแล้วก็ล้างน้ำ แล้วเอาไปผึ่งแดดให้แห้ง
คุณโอคาโมโต้บอกว่า หลังฉีดสเปรย์กันน้ำ ให้เอาไดร์เป่ารองเท้า เพื่อให้ความร้อนด้วย . เพราะสเปรย์กันน้ำจะทำด้วยสารกันน้ำประเภทฟลูออรีน ต้องเจอความร้อนด้วยถึงจะทำงานได้ดีนะ
สรุปง่ายๆ สำหรับคนที่อยากแก้ปัญหารองเท้าเหลือง 1. ใช้น้ำส้มสายชู ช่วยให้รองเท้าเหลืองกลับมาขาวใหม่ได้ (ลองใส่ตามสัดส่วนที่เล่าไว้ได้เลยนะครับ) 2. ถ้าอยากให้รองเท้าผ้าใบอยู่นานๆ แนะนำให้ใช้สเปรย์กันน้ำด้วย อย่าลืมเอาไดร์เป่าให้ความร้อนดัวยนะ สเปรย์กันน้ำจะทำงานได้เต็มที่ที่สุด
ปีนี้เดินทางมาสู่วันที่ 73/365 แล้ว# 20% ของปี 2564 พอดี ใครที่กำลังตั้งใจทำอะไรอยู่ขอให้สำเร็จสมหวัง ใครที่เจอปัญหาอะไรติดขัดอะไรอยู่ขอให้กำลังใจและผ่านปัญหาไปให้ได้นะครับ :)
คลิปนี้คุ้มค่ามากที่สุดได้ดู เป็นเบื้องหลังการทำงานถ่าย long take ต่อเนื่องยาว 10 กว่านาทีโดยไม่มีการคัทเลย ได้เห็นความสามารถและความพยายามของคุณอู๋ spin9 และทีมงานกว่า 120 ชีวิต และที่สำคัญได้ความรู้ใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจในการทำงานด้วย ชื่นชมและขอบคุณครับ youtu.be/6HKjkjU2lpM
วันก่อนดูรายการ sekai ichi uketai jugyo หรือวิชาที่น่าเรียนที่สุดในโลก เค้าเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา คุณ Anders Hansen มาพูดถึงผลข้างเคียงของการใช้สมาร์ทโฟนโดยการเอาหลักวิทยาศาสตร์มาจับทั้งหมด ไปดูกันครับว่าการใช้สมาร์ทโฟนส่งผลต่อสมองของเราอย่างไรบ้าง #สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม
หนังสือเล่มนี้กำลังฮิตที่ประเทศญี่ปุ่นครับ ชื่อว่า スマホ脳 ผู้เขียนคือผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาชาวสวีเดนทำงานในสถาบันวิจัย karolinska มีบทความวิทยาศาสตร์การแพทย์มากกว่า 1,000 บทความ หนังสือเล่มนี้ดังขนาดเป็นปรากฏการณ์สังคมของสวีเดน ถูกแปลภาษาไปหลายประเทศ และถูกแปลเป็นญี่ปุ่นด้วย
คนเราจับสมาร์ทโฟนบ่อยมาก มีสถิติบอกว่าวันๆ นึงเราจับสมาร์ทโฟนมากถึง 76 ครั้ง และแตะหน้าจอมากถึง 2,600 ครั้งเลยครับ . คุณ Anders พยายามบอกว่า ใช้สมาร์ทโฟนไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องระวังอย่าติดสมาร์ทโฟนจนเกินไป เพราะอาจส่งผลอะไรบางอย่างต่อสมอง ซึ่งจะได้เล่าให้ฟังต่อไปครับ
พฤติกรรมคนส่วนใหญ่จะชอบจับมือถือ มีข้อมูลอะไรใหม่ๆ มั้ยนะ.. เข้าไปดูใน sns ดีกว่า.. รูปที่ลงไปเป็นยังไงบ้างนะ..มีคนกดไลค์รึยัง.. . สาเหตุที่คนชอบจับมือ เพราะสมาร์ทโฟนสามารถตอบโจทย์ความกระหายของสมองมนุษย์ได้หลายเรื่อง สมองก็ตอบรับด้วยการหลั่งสารเคมี dopamineที่ทำให้เรามีความสุข
นอกจากนั้นมนุษย์ยังมีนิสัยชอบเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ซึ่งนี่เป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ตั้งแต่ 7 ล้านปีมาแล้ว ผู้ชายออกล่าสัตว์ ผู้หญิงเก็บผักผลไม้ ถ้ามีโอกาสก็จะหาแหล่งหาอาหารใหม่ๆ เสมอ ซึ่งนั่นทำให้สมองรู้สึกดีทุกครั้ง เมื่อได้ความรู้ ข้อมูลใหม่ๆ และหลั่งสารโดปามีนออกมาด้วย
อีกสิ่งหนึ่งที่สมองมนุษย์จะชอบมากคือ “ความคาดคะเนไม่ได้” เช่นการโพสต์อะไรลงไปในโซเชียลแล้วต้องลุ้นว่าจะผลตอบรับจะเป็นยังไง ความรู้สึกเหมือนกับตอนเราลุ้นหวย เล่นการพนัน นั่นก็คือสิ่งที่คาดคะเนไม่ได้เช่นกัน ทำให้สมองเสพติดสิ่งนั้นได้ง่ายๆ ซึ่งโซเชียลต่างๆ ก็ถูกออกแบบให้ทำงานแบบนั้น
55555 จะใส่ผงชาเขียวเยอะอะไีรปานนั้นนนนน ถ้าต้องให้คุณลุงคุณป้ากินแล้วสำลักล้มคาร้านขึ้นมาทำไงเนี่ยยยย twitter.com/JapaneseBaobao…
ไม่แนะนำให้วางสมาร์ทโฟนไว้ใกล้ตัวตอนนอน ในรายการ sekai ichi uketaijugyo วิชาที่น่าเรียนที่สุดในโลก เรื่องๆ นี้อธิบายโดยคุณ Anders Hansen นักจิตวิทยาชาวสวีเดนเจ้าของหนังสือ bestseller ที่เขียนเรื่องผลกระทบของสมาร์ทโฟนที่มีต่อสมอง . #สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม
อาจารย์ Anders Hansen บอกว่าสมาร์ทโฟนมีผลต่อการนอนมาก แค่วางสมาร์ทโฟนไว้ข้างตัวตอนนอนจะทำให้ร่างกายเราได้หลับน้อยกว่าปกติ 1 ชั่วโมงเลยครับ (ยกตัวอย่าง ถ้าเรานอน 6 ชั่วโมงกับสมาร์ทโฟน = ร่างกายและสมองจะได้นอน 5 ชั่วโมงเท่านั้น)
ฉะนั้น 3 สิ่งที่อาจารย์ให้ทำเมื่อจะนอนคือ 1. ปิดมือถือไปเลย 1 ชั่วโมงก่อนเวลานอน 2.ไม่วางมือถือไว้ในห้องนอน ให้วางไว้ห้องอื่นๆ เลย 3.ให้ซื้อนาฬิกาปลุกแยก (ห้ามพึ่งพานาฬิกาปลุกของมือถือ) อ่านแล้วก็จุกๆ ไปเลยครับ เพราะทั้ง 3 ข้อนี้ผมไม่ได้ทำเลย
ทำแค่ 3 อย่างนี้ได้ผลจริงหรือไม่? คุณ Anders ทำงานเป็นจิตแพทย์ใน รพ.ด้วย เค้าบอกว่าพักหลังมีคนไข้หนุ่มสาวมาปรึกษาเรื่องนอนไม่หลับเยอะ ซึ่งคุณหมอแนะนำไปแบบนี้เลย พอไปทำแบบจริงจัง ปรากฎว่า ส่วนใหญ่แก้ไขปัญหาได้ คุณภาพการนอนดีขึ้น นี่คือสิ่งที่อยากฝากเอาไว้ก่อนเพื่อนๆ ไปนอนคืนนี้
5 อันดับโรคและอาการที่เราเป็นกันมากขึ้นในช่วงนี้ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด อธิบายโดยคุณหมอซาโต้แพทย์ชาวญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดในรายการ Sekai ichi uketai jugyou หรือวิชาที่น่าเรียนที่สุดในโลก 5 โรคที่ว่าจะมีอะไรบางนั้นอ่านได้ในโพสต์นี้ครับ #สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม
มาเริ่มกันเลย อันดับ 5 คือโรคผิวหนังอักเสบ . แน่นอนว่าเราต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา ทำให้ผิวหนังบนใบหน้าแห้งมาก เกิดการเสียดสีระหว่างใบหน้ากับหน้ากากบ่อยๆ ผลสุดท้ายคือ เป็นสิว หรือเป็นผื่นขึ้นครับ
จากการสำรวจเค้าบอกว่า คนมีปัญหานี้มากขึ้น 1.8 เท่าเลยนะ ซึ่งวิธีแก้คือ ถ้าเราต้องใส่หน้ากากอนามัยบ่อยๆ เพื่อลดการเสียดสีระหว่างหน้ากากและใบหน้า แนะนำให้ใช้ผ้าก็อตรองอีกชั้นนึง หรือบ้านเราก็จะแนะนำให้ใช้ทิชชู่เนื้อสัมผัสนุ่มบางเบารองอีกชั้น ก็จะช่วยลดผลกระทบที่มีต่อใบหน้าได้ครับ
อันดับ 4 ภาวะร่างกายขาดน้ำโดยที่เราไม่รู้ตัว . คุณหมอบอกว่าเมื่อใส่หน้ากากอนามัย ภายในปากจะมีความชื้นสูง ทำให้เรารู้สึกไปเองว่า เราได้รับปริมาณน้ำเพียงพอแล้ว เมื่อรู้สึกไปเองแบบนี้เราอาจจะดื่มน้ำน้อยลง รู้ตัวอีกทีร่างกายก็อยู่ในภาวะขาดน้ำแล้ว
อันดับ 3 ใช้หูฟังไปนานๆ แล้วเกิดอาหารหูตึง . เค้าบอกว่ายุคนี้เราต้องเรียนออนไลน์ ประชุมออนไลน์บ่อยขึ้น โอกาสที่จะใช้หูฟังจึงบ่อยตามไปด้วย อาการหูตึงเกิดจากเซลล์ขนในหูเสียหาย ซึ่งน่ากลัวมาก เพราะเมื่อความสามารถในการได้ยินเสียหายไปแล้ว มันจะไม่กลับมาเหมือนเดิมอีกแล้วครับ
มารุกาเมะ เซเมงที่ญี่ปุ่น เผชิญกับปัญหาใหญ่ช่วงโควิด เพราะปกติร้านจะทำเส้นอุด้งสด เลยทำแบบ takeout ไม่ได้ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเส้นอุด้งมันจะติดกัน แต่ด้วยไอเดียปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างที่ภาชนะ ช่วยให้มารุกาเมะตัดสินใจขายอุด้งแบบ takeout ได้และลูกค้าก็ได้กินเส้นที่นุ่มอร่อยด้วย