เธรดนี้จะมาเล่า 6 ภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้กับลูกของคุณ อ้างอิงตามสถิติที่เกิดขึ้นจริงในญี่ปุ่น พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอันตรายนั้นๆ แนะนำโดย TEI เซนเซ อินฟลูเอนเซอร์ให้ความรู้ด้านการเลี้ยงเด็กในญี่ปุ่นที่มีผู้ติดตามในปัจจุบันมากกว่า 1.5 ล้านคน Cr: Sekaiichi Uketaijugyo
เช้านี้ดูข่าวเห็นว่า PM2.5 หนักมาก เลยอยากเอาเรื่องนี้มาแชร์ อาการที่จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเจอฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ไปเรื่อยๆ และวิธีการรับมือฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ทั้งในบ้านและนอกบ้าน . โดยคุณหมอ Kida ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินหายใจในญี่ปุ่น Cr:รายการ HayashiOsamu No imadesho Kouza #ฝุ่นPM25
คุณหมอ Kida ท่านบอกว่า ถ้าได้รับผลกระทบจาก PM2.5 มากๆ มีโอกาสทำให้ป่วยหนักถึงขั้นเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือโรคสมองขาดเลือดได้เลยนะครับ ฉะนั้นเป็นความเสี่ยงที่เราทุกคนเพิกเฉยไม่ได้จริงๆ ทีนี้เรามาดูกันครับว่า อาการที่จะเกิดขึ้น เมื่อร่างกายเรารับ PM 2.5 เข้ามาจะเป็นอย่างไรบ้าง
ถ้าฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 เข้าไปในช่องปาก หรือโพรงจมูก ร่างกายจะต่อต้านแสดงอาการให้เห็นเป็นอาการน้ำมูกไหล หรืออาการจามครับ ถ้าหนักกว่านั้นคือเยื่อจมูกอาจได้รับความเสียหาย แสดงอาการออกมาเป็น “เลือดกำเดาไหล” ถ้าได้รับ PM 2.5 มากเข้าไปอีก ช่องทางเดิน หายใจก็จะได้รับความเสียหายเพิ่มเติม
ลำดับต่อไปเมื่อเคลื่อนผ่านบริเวณลำคอมากๆ เราจะรู้สึกเจ็บหรือแสบคอครับ .
ผ่านหลอดลม หลอดลมเองก็ได้รับความเสียหาย จะมีเสมหะมากขึ้นครับ . ซึ่งทั้งหมดเป็นอาการของร่างกาย ที่พยายามต่อต้านไม่ให้ PM 2.5 เข้ามาในร่างกายครับ
สูดเข้าไปมากๆ เป็นระยะเวลานานๆ จะเกิดอาการอักเสบและอึดอัดตอนหายใจ
ซึ่งเมื่อส่วนต่างๆ ของระบบทางเดินหายใจต้านทานไม่ไหว . สุดท้ายก็จะเข้าไปถึงส่วนลึกๆ ในระบบทางเดินหายใจคือปอดครับ และที่โหดสุดคือ การทะลุทะลวงกำแพงชั้นสุดท้ายเข้าไปอยู่ในหลอดเลือดของคนเราครับ ซึ่งนี่คือเรื่องที่น่ากลัวมากๆ
เมื่อ PM2.5 ทะลุเข้าไปถึงในหลอดเลือด สภาพเลือดภายในหลอดเลือดก็จะเข้มข้นขึ้น แข็งตัวง่าย เส้นเลือดตีบแข็ง . มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อันตรายจริงๆ
วิธีป้องกัน #ฝุ่นPM25 นอกบ้าน นอกจากการใส่หน้ากากแล้ว คุณหมอแนะนำให้ทำ 2 อย่างนี้ครับ 1. เลือกใส่เสื้อผ้าที่ยากต่อการที่ฝุ่นจิ๋ว PM2.5 จะมาเกาะติด (เสื้อขนสัตว์จะมีไฟฟ้าสถิตเยอะ จะทำให้มี pm2.5 มาเกาะเยอะ) . แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่เป็นผ้าลื่นๆ ฝุ่นเกาะพื้นผิวยากๆ เช่น เสื้อหนัง
2. ใส่หมวกออกจากบ้าน . คุณหมอบอกว่าคนที่มีผมเสีย จะมีโอกาสที่ฝุ่นจิ๋ว pm2.5 มาเกาะได้มากยิ่งขึ้น เพราะบริเวณผิวเส้นผมจะมีความขรุขระ ทำให้ฝุ่นจิ๋วเกาะติดได้ง่าย ฉะนั้น แนะนำให้บำรุงผมให้ดี หรือไม่ก็ใส่หมวกออกนอกบ้านครับ (ใครรู้ตัวว่าผมเสียบ่อย ลองพิจารณาวิธีนี้ดูนะครับ)
ส่วนวิธีการรับมือเมื่อออกนอกบ้านไป แล้วกลับเข้าบ้าน คุณหมอแนะนำแบบนี้ครับ . 1. กลับมาบ้านแล้วอาบน้ำทันที เพราะออกนอกบ้านไปส่วนต่างๆ ของร่างกายรวมถึงเส้นผม ที่สัมผัสกับอากาศจะเจอกับ PM 2.5 กลับมาบ้านแล้วควรอาบน้ำสระผม ล้างฝุ่นจิ๋วออกไปครับ
2. เครื่องกรองอากาศในบ้าน ให้ได้ผลสูงสุด ควรวางไว้ที่พื้นห้อง (จะกรองฝุ่นจิ๋ว PM2.5 ที่ปกคลุมในบริเวณต่ำๆ ได้ดีที่สุด) *เครื่องกรองอากาศแต่ละแบรนด์ก็ให้ผลแตกต่างกันนะครับ
<ออกนอกบ้าน> 1.เลือกใส่เสื้อผ้าที่พื้นผิวลื่นๆ ที่ฝุ่นจิ๋ว pm2.5 เกาะยาก 2.ใส่หมวก โดยเฉพาะคนที่รู้ตัวว่าผมเสียเยอะ <กลับมาที่บ้าน> 1.อาบน้ำและสระผมทันที ล้างฝุ่นจิ๋วที่ติดมาจากข้างนอกออกให้หมด 2.ใช้เครื่องกรองอากาศในบ้าน ตั้งไว้ที่พื้น ถ้าได้ประโยชน์ฝาก rt ต่อด้วยนะครับ
ชายี่ห้อนี้อยู่ในไทย โดนเรียกว่า “ชาจืด” ซะงั้น🤣
ใครมีลูกเล็กแล้วกลัวว่าออกไปนอกบ้านเค้าจะเสี่ยงวิ่งไปโดนรถชน ทีเซนเซ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเด็กในญี่ปุ่นแนะนำว่า “ให้ทำการฝึกซ้อมให้ลูกหยุดวิ่งตั้งแต่อยู่ในบ้านเลย ร่างกายจะได้จดจำได้ ยก ตย. ถ้าพ่อแม่พูดว่า “หยุด!” ลูกต้องหยุดทันที เวลาเจอสถานการณ์จริง ลูกจะฟังเรา และร่างกายจำได้
พ่อแม่คนไหนห้ามลูกแล้วไม่ยอมฟัง ทีเซนเซ ผู้เชี่ยวชาญในญี่ปุ่นแนะว่า ให้เปลี่ยนจาก You Messege คือคำพูดที่เน้นไปที่ลูก เช่น ปีนไม่ได้นะ กล่าวหาไปที่ลูกว่าไม่ดี เปลี่ยนเป็น I Message คือบอกลูกว่า เราจะรู้สึกอย่างไรจากสิ่งนั้น แม่เป็นห่วง! เสียใจนะ I Message จะใช้ได้ผลกับเด็กเล็กมาก
สังเกตนะ คนญี่ปุ่นเวลาพูดอะไรยาวๆ ระหว่างประโยคมักจะติดพูดว่า เอ่…โอ่…อ่า…เอโต… อาโน… หลายคนพูดติดเป็นนิสัยโดยที่ไม่รู้ตัว แต่ในมุมมองการสื่อสารเค้าบอกว่า การใช้คำเหล่านี้บ่อยเกินไป อาจทำให้คนฟังรู้สึกว่า คนพูดไม่ค่อยหนักแน่น พึ่งพาไม่ค่อยได้ ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆรู้สึกอย่างไร?
เทคนิคช่วยให้สมองจดจำดีขึ้น คือ การยืน (หรือเดินไปด้วย) ขณะอ่านหนังสือ เค้าบอกว่าการทำแบบนี้จะช่วยให้เลือดไหลเวียนไปที่สมองมากขึ้น ช่วยให้จดจำได้ดี นอกจากนี้ ที่ ม.Taxas A&M University ยังมีการวิจัยด้วยและได้ผลว่า ยืนเรียนจะได้ผลลัพธ์ดีกว่านั่งเรียน 7-14% มายืนเรียน/ทำงานกันเถอะ!
แอนเดอร์ ฮานเซน จิตแพทย์ชาวสวีเดน บอกว่าแค่ออกกำลังกายนิดเดียวก็ช่วยบริหารสมองได้แล้ว มีการวิจัยนึงทำกับผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปี เค้าบอกว่าผู้สูงอายุที่ออกกำลังกายจะมีอายุสมองเด็กกว่าประมาณ 3 ปี มีความสามารถในการรับรู้และจดจำมากกว่าด้วย นิดเดียวก็ยังดี ออกกำลังกายกันเถอะ
นางาโตโมะ นักฟุตบอลอาชีพญี่ปุ่นผู้สร้างแรงบันดาลใจในวงการฟุตบอลและเด็กญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก เค้าแนะนำว่า “หากรู้สึกคิดลบ”แล้วอยากออกจากสถานการณ์นั้นให้ได้ “ให้นึกถึงตัวเอง (ที่อยากเป็น) ในอนาคตเข้าไว้” แล้วเราจะคิดบวกรู้สึกดีได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เขาเองในสมัยเรียนก็ไม่เอาไหน..
นั่งโต๊ะนานๆเค้าบอกว่า มีแนวโน้มทำให้ ประสิทธิภาพในการจดจำสิ่งต่างๆ แย่ลง โดยมีงานวิจัยที่ม.แคลิฟอร์เนีย ระหว่างคนที่นั่งน้อยๆกับคนที่นั่งมากๆ คนนั่งน้อยๆ สมองใหญ่ส่วนขมับที่มีหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับความจำจะใหญ่กว่า คนที่นั่งมากๆ ฉะนั้น อยากพัฒนาความจำให้ขยับตัวออกกำลังกายมากขึ้น
“KOBAN ปัอมตำรวจหรือสถานีตำรวจขนาดเล็กในญี่ปุ่น ที่ช่วยให้อาชญากรรมในญี่ปุ่นลดลงมากกว่าครึ่ง” ดีจนหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ บราซิล New York ของอเมริกาก็เอาระบบ KOBAN ของญี่ปุ่นไปใช้ก็ได้ผลมาก ในเธรดนี้เลยอยากมาเล่าถึง KOBAN ของญี่ปุ่นว่าดียังไง ทำไมถึงได้ผล ประชาชนรู้สึกปลอดภัย(1)
อันนี้เอ็นดูมาก คนญี่ปุ่นสองคนนี้มีปัญหาไม่กล้าหยอดตาตัวเอง ทำไม่ได้ตั้งแต่เกิด แต่ทั้งคู่คิดว่าการหยอดตาคือสิ่งสำคัญเลยพยายามชาเลนจ์ตัวเองให้หยอดตาให้ได้ รายการพยายามช่วยเอาแครอท (ของไม่ชอบ) มาขู่ เอานักมวยปล้ำมาช่วยแหกตา เข้าใจความรู้สึกคนไม่กล้าหยอดตาเลยอะ 😅 Cr: knight Scoop
รายการญี่ปุ่นบอกว่า หากนอนเปิดไฟจะมีโอกาสอ้วนมากกว่าคนปิดไฟมืดถึง 2 เท่าเลยนะ . เค้าบอกว่า การนอนอาบแสงไฟจะทำให้เมลาโทนิน ฮอร์โมนที่ช่วยในการนอนหลับหลั่งน้อยลง นอกจากนี้เมลาโทนินยังทำหน้าที่สำคัญในกระบวนเผาผลาญอาหารเป็นพลังงานด้วย ถ้าฮอร์โมนตัวนี้ลดลงจะทำให้อ้วนได้ Cr: hanataka