แต่หลายๆคนก็ไม่ซื้อเคลมนี้ เพราะถึงจะเป็นงั้นจริงแต่ควีนชาร์ล็อตต์ก็ห่างจากบรรพบุรุษคนนั้นหลายช่วงศตวรรษเลย (ยุครีเจนซีคือช่วงศ.ที่ 19) จึงกล่าวว่ามาจากหลักฐานโดยเรื่องเล่าเสียมากกว่าหลักฐานจริงๆ (2)
นักปวศ.บางคนเชื่อว่า Black Death เป็นตัวที่ทำให้ภาษาอังกฤษกลายเป็นภาษาสากลค่ะ ทำไมถึงเชื่อแบบนั้น? เพราะโรคระบาดนี้คร่าชีวิตผู้เผยแพร่ศาสนาและนักบวชมากมาย คนกลุ่มนั้นใช้ภาษาละตินเป็นหลัก และคนที่มาแทนที่คือคนธรรมดาที่ไม่พูดละติน แต่พอรู้ภาษาอังกฤษ (9)
เกร็ดเล็กๆของโสเภณีชั้นสูงสมัยอียิปต์ด้วย Hetaira ถึงจะเป็นโสเภณี แต่นอกจากเรื่องทางเพศ พวกเธอยังเป็นศิลปิน ผู้ให้ความสนุก และช่างพูดช่างจามากๆ ซึ่งพวกเธอได้รับการศึกษาชั้นสูง และสามารถเข้าร่วมงานต่างๆได้ ถ้าใครสนใจ เธรดหน้าจะเล่าเรื่องโสเภณีในอียิปต์โบราณให้อ่านเพิ่มนะคะ (4)
สิ่งนึงที่เป็นสิ่งต้องห้ามในวังบัคกิ้งแฮมคือกระเทียม เพราะควีนลิซซี่ไม่ชอบกระเทียมเป็นอย่างมาก ถึงจะเป็นแค่ข่าวลือ แต่ก็ถูกยืนยันโดยเชฟในวังมาแล้ว โดยกล่าวไว้ว่าจะเสิร์ฟกระเทียมหรือหัวหอม (ที่เยอะไป) ไม่ได้ รวมถึงเนื้อที่แรร์ (ไม่ค่อยสุก) ด้วย (3)
และที่สำคัญคือพระนางไม่อยากแยกครอบครัวออกจากกัน ซึ่งรถม้าที่เตรียมไว้ทีแรกเป็นคันเล็กสองคันและนั่นหมายถึงต้องแยกกันนั่ง (แต่มันก็จะเร็วกว่าน่ะนะ) ซึ่งนี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้ครอบครัวถูกจังในที่สุด (10)
สำหรับผู้โดยสารหญิงชั้นสอง โอกาสรอดมากกว่าผู้ชายค่ะ จะบอกว่านอกจากบรรดาภรรยาแล้ว สาวๆที่มาเที่ยวกันกับแก๊งค์เพื่อนก็มีนะ หรือเที่ยวคนเดียวก็มี โดยจากผู้หญิงทั้งหมด 93 คน มีทั้งหมด 80 คนค่ะที่รอด (5)
นั่นคือไฟโตแพลงตอน (Phytoplankton) ซึ่งเป็นอาหารหลักของพวกสัตว์ทะเลเล็กๆ แถมยังผลิตอ็อกซิเจนให้กับเราด้วย ส่วนสัตว์ที่เงือกจะกิน เงือกคงเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแบบมนุษย์นี่แหละ สัตว์ทะเลนักล่าส่วนมากล่ากันและใช้ฟันกัด แต่เงือกไม่ได้มีฟันและปากใหญ่ เป็นไปได้ไหมที่- (12)
วันที่ 4 กรกฎาคม 1862 ดอดจ์สันนั่งเรื่อจากอ็อกซ์ฟอร์ดไปยังเมืองก็อดสโตว์กับบาทหลวง และพี่น้องเด็กๆสามคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคืออลิสวัย 10 ขวบ และดอดจ์สันก็รับหน้าที่เล่านิทานแต่งเรื่องให้เด็กๆ ตัวละครแปลกๆต่างๆ และเขาก็แต่งให้อลิสเป็นตัวเอกของเรื่อง (3)
ดอดจ์สันเป็นช่างภาพด้วย และเขาก็ถ่ายภาพให้กับโบสถ์ เด็กๆที่สนใจกล้องและเทคโนโลยีการถ่ายภาพก็เข้ามาคุยด้วย จากนั้นครอบครัวของอลิสก็ติดต่อขอถ่ายภาพรวม จึงได้ไปที่สตูดิโอของเขาและก็รู้จักกันนับแต่นั้น (2)
ที่นักวิชาการหลายคนตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ของดอดจ์สันกับเด็กสาว เพราะเขาเคยเขียนไว้ว่า ‘ผมชอบเด็ก (ยกเว้นเด็กผู้ชาย)’ และเคยเขียนจดหมายว่าไว้ว่า ‘ผมยอมรับว่าไม่ชอบภาพเด็กชายที่เปลือย พวกเขาเหมือนว่าต้องใส่เสื้อผ้าตลอดเวลา แต่ไม่เข้าใจเลยว่าร่างกายของเด็กสาวต้องถูกปกปิดด้วย’(9)
ถ้าใช้ส้วมสาธารณะในโรม จะมีสิ่งที่เรียกว่า xylospongium หรือฟองน้ำที่ติดอยู่กับไม้เพื่อทำความสะอาดก้น และแน่นอน ใช้ร่วมกันทั้งเมืองค่ะ 😬 ซึ่งก็มีการออกแบบส้วมให้มีที่สำหรับเสียบไม้นี้ได้ และมีรางน้ำที่เชื่อว่าเอาไว้ให้คนทำความสะอาดเจ้าไม้นี้เมื่อทำธุระเสร็จ (6)
: ที่ทิงเกอร์เบลขี้หวง เพราะนางฟ้าคนอื่นในจักรวาลปีเตอร์แพนตายหมดแล้ว นิสัยของทิงก์ในปีเตอร์แพนกับหนังของตัวเองค่อนข้างต่างกัน และที่เธอกลายเป็นคนหวงเพื่อนนั้นอาจเพราะมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ชาวแฟรี่สูญสิ้น เหลือแต่เธอคนเดียว เธอจึงหวงปีเตอร์ที่เป็นเพื่อนคนสุดท้ายของเธอเอง (10)
ทุกคนนน ใครแพลนจะเรียนต่อป.โทที่อังกฤษ เดือนกันยาปีหน้า แนะนำให้ไปงานนี้มากๆๆ จะได้ปรึกษากับเจ้าหน้าที่จากมหาลัยดังโดยตรง หรือจะสมัครก็ทำได้เลย! วันเวลาสถานที่อยู่ในทวิตเลยนะคะ 🤍✨ twitter.com/gouniofficial/…
ซึ่งโฮล์มส์นับว่าเป็นฆาตรกรต่อเนื่องคนแรกๆของอเมริกา ที่มีตัวตนอยู่จริงในช่วงปลายศ.ที่ 19 ยุควิคตอเรียนพอดี ชื่อเดิมของเขาคือ Hermann Webster Mudgett และได้เปลี่ยนชื่อหลังจากจบมัธยมปลาย ก่อนจะเดินทางสายแพทย์ ที่เป็นจุดช่วยให้เขามีสกิลในการก่อการฆาตรกรรม (2)
ครอบครัวเพอร์รอนเพิ่งย้ายบ้านใหม่ ใดๆเลยคือสิ่งแรกที่เพื่อนบ้านเอ่ยกับพวกเขาคือ ‘อย่าลืมเปิดไฟทิ้งไว้ตอนกลางคืนล่ะ!’ ตามมาด้วยเหตุการณ์แปลกๆที่ไม่มีใครคิดว่าแปลก อย่างเช่น สิ่งของเคลื่อนย้ายเอง ได้ยินเสียงประหลาด แต่ทุกคนก็คิดเอาเองว่านี่มันบ้านเก่า ก็คงไม่แปลกอะไรมากหรอก (2)
ก่อนแต่ง เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวจะแยกจากกันอย่างสิ้นเชิง เพื่อที่จะได้ชำระล้างตัวตนเก่าๆก่อนแต่งงาน เตรียมเข้าสู่ชีวิตใหม่ ซึ่งสำหรับสาวๆคือการใส่เสื้อผ้าใหม่ และห้ามใส่ Kransen (แบบในรูป) เพราะมันคือสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ โดยจะถูกเก็บไว้และยกให้ลูกสาวของเธอในอนาคต (4)
วันนี้ส่งคลิปนี้ให้เซนเซคนญี่ปุ่นดู เซนเซชอบใหญ่เลย เป็นภาษาญี่ปุ่นโบราณแหละ บางคำก็คือส่งต่อมาจนถึงตอนนี้ บางคำไม่คุ้นเลย ยิ่งตอนพูดเป็นประโยคคือ เหมือนจะญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ญี่ปุ่น 🤣 คลิปเต็มอยู่นี่ ใครสนใจตามไปฟังได้นะคะ น่าสนใจดีๆๆ >> youtu.be/4mWzhIcbQls
อย่างในภาพนี้ จะสังเกตว่าผู้หญิงตรงกลางจะภาพชัดกว่าคุณพ่อคุณแม่ที่ขนาบข้าง เพราะการเปิดรับแสงที่นานในกล้องสมัยก่อนทำให้ยิ่งขยับตัวภาพจะยิ่งเบลอ คนที่ยังมีชีวิตเลยจะภาพเบลอกว่าเพราะมีการยุกยิก ส่วนคนที่เสียไปแล้วภาพจะคมชัดเพราะนิ่งนั่นเอง (6)
ค่าเงินสมัยนั้นนับหน่วยเป็น AS ค่ะ ซึ่งพบว่าบริการหนึ่งครั้ง สาวๆจะได้เงินอยู่ที่ 2 ถึง 16 assess (ประมาณ 112 บาทจนถึง 1000 บาท) ยิ่งเป็นสาวชื่อดังหรือป๊อปในวงการ ยิ่งได้เงินแพงขึ้นไปอีก สมัยนั้นถือว่าเป็นเรทที่ใช้ได้ ออกจะได้เยอะด้วยซ้ำ (1)
หน้าประวัติศาสตร์อาจเปลี่ยนไปเลยก็ได้ถ้า Black Death ไม่เกิดขึ้นค่ะ นั่นเพราะชาวไวกิ้งที่ตั้งรกรากในกรีนแลนด์ (และตั้งใจจะมุ่งหน้าไปยังอเมริกาเหนือ) ถูกโรคนี้คร่าชีวิตและโดนคนพื้นเมืองโจมตีจนล้มหายตายจากไปหมดนั่นเอง (4) (ปล.ยังไม่เคยเล่าเรื่องไวกิ้งเลยสินะ? ไว้จะมาเล่าบ้างนะคะ)
ในวัฒนธรรมแอฟริกาบางที่ก็ไม่โอเคกับการใช้มือซ้าย อย่างชาวซูลูสมัยก่อนเคยมีการลงโทษเด็กที่ถนัดซ้ายด้วยการเอามือซ้ายไปจุ่มน้ำเดือดร้อนจัดทำให้ใช้การไม่ได้ ในบางวัฒนธรรมของแอฟริกาห้ามผู้หญิงทำอาหารด้วยมือซ้าย ไม่งั้นจะถูกหาว่าเป็นแม่มด หรือถูกหาว่าพยายามจะวางยาใส่อาหาร (7)
ห้องน้ำสาธารณะอันตรายมากค่ะ ทั้งอาจมีสัตว์พาหะพยาธิมุดออกมา ทั้งเป็นแหล่งสะสมแก๊สมีเทนที่อาจทำให้เกิดไฟลุกในส้วม อาจเพราะการเข้าส้วมทุกวันคือชาเล้นจ์ ทำให้ส้วมสาธารณะหลายที่มีแท่นบูชา Fortuna หรือเทพแห่งโชค เพื่อปัดเป่าอันตรายที่อาจะเกิดขึ้นจากการขับถ่าย (11)
ตอนจบของนางก็สยองกว่าในการ์ตูนด้วยค่ะ มีเวอร์ชั่นที่นางถูกลงโทษบังคับให้เต้นโดยใส่รองเท้าที่ทำมาจากเหล็กร้อนในงานแต่งสโนว์ไวท์จนกว่าจะตุย รวมไปถึงมีเวอร์ชั่นที่นางโกรธจนตุยเพราะสโนว์ไวท์ยังมีชีวิตอยู่ด้วย ดาร์คสุดๆ
1) ผู้หญิงโง่ ถูกหลอกได้ง่าย เป็นเหตุผลให้พวกเธอหันเข้าหาเวทมนตร์ 2) ผู้หญิงไม่รู้จักพอในเรื่องของกามารมณ์ (ทั้งที่ผู้ชายนั่นแหละที่มักจะมีเมียหลายคน 🥶) เลยต้องหันไปพึ่งปีศาจเพื่อเติมเต็มความต้องการ 3) ผู้หญิงพูดมาก 4) ผู้หญิงอ่อนแอ เวลาแก้แค้นเลยต้องไปพึ่งเวทมนตร์ (8)
เจออีกอันและ ให้เข้าแค่สมาชิกหมู่บ้านเท่านั้น แล้วเป็นบริเวณท่าเรือของหมู่บ้านริมทะเล555555