บ้างบอกว่าเธออยู่ในสภาวะช็อคจากอะไรบางอย่าง และบ้างก็ว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำ เพราะมีบางอย่างที่น่าสงสัย เช่น ตลอดการหลับใหล ผมและเล็บของคาโรลินาไม่ยาวขึ้นเลย (7)
มาถึงผู้ใหญ่กันบ้าง ในบรรดาผู้ใหญ่ ผู้โดยสารหญิงชั้นหนึ่งมีโอกาสรอดมากที่สุดค่ะ (จากจำนวน 144 คน มีแค่ 4 คนที่ไม่รอด) ซึ่งส่วนมากพวกเธอก็จะเดินทางโดยมีผู้ติดตาม อาจเป็นพี่เลี้ยงของลูกๆ เมด หรือคนครัวก็ได้ สาวๆจากชั้นนี้จะตื่นตูมกันน้อยสุด เพราะทุกคนจะพยายามบอกว่าไม่มีอะไรๆๆ (4)
ผู้หญิงไม่ได้มีสิทธิในชีวิตของตัวเองเท่าที่พวกเธอต้องการเลย หนทางในการใช้ชีวิตส่วนมากหลักๆมีแค่สองทาง คือแต่งงาน หรือไม่ก็บวชชี นี่คือการสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง ซึ่งสาวคนไหนไม่อยากมีลูกส่วนมากก็จะไปเป็นแม่ชีกัน (1)
ลุคมื้อเย็นจะแฟนซีกว่าลุคตอนกลางวัน ถ้ามื้อเย็นมีแค่คนในบ้าน อาหารก็จะไม่หรูหรามาก มีอาหารแค่คอร์สเดียว และเป็นเวลาที่สาวๆจะได้เรียนมารยาทบนโต๊ะอาหารจากคุณแม่ ส่วนถ้ามื้อเย็นมีแขกมาด้วย อาหารจะหรูขึ้นและก็จะมีพิธีรีตรองเพิ่มขึ้นมาหน่อย (8)
ประเทศที่โด่งดังที่สุดในเรื่องของ Finishing School ต้องยกให้สวิตเซอร์แลนด์ มีทั้งเจ้าหญิงจากประเทศต่างๆ ดารานักแสดงอีลีท หรือคนที่มีหน้ามีตาในสังคม (ภาพที่นำมาให้ดูคือรร.ในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ใช่ Finishing School กันแล้ว) (3)
อลิสชอบเรื่องนี้มากจึงขอให้ดอดจ์สันเขียนมันลงหนังสือ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ Alice in Wonderland ค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วดอดจ์สันเนี่ยเป็นคนรักเด็ก มีหลักฐานว่าเขาเป็นเพื่อนกับเด็กสาววัยละอ่อนมากมาย แต่อลิสถือเป็นคนพิเศษของเขา (4)
จะระบุไปเลยว่าเมื่อไหร่ที่สีชมพูกลายเป็นสีของผู้หญิงก็คงจะยาก แต่ถ้าให้ประมาณก็คงจะเป็นหล้งสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสังคมต้องการจะเน้นย้ำบทบาททางเพศของทางตะวันตก เมื่อผู้หญิงถูกจัดให้อยู่แต่บ้าน การตลาดการโฆษณาจึงมีผลอย่างมากในการเชื่อมโยงสีชมพูเข้ากับความเป็นแม่บ้าน (9)
ตลาดงานแต่งมันก็เหมือนกับธุรกิจอย่างนึง ซึ่งถือเป็นการผลิตซ้ำความร่ำรวย ทำให้คนระดับเดียวกันแต่งงานกันเอง ความรวยก็จะวนอยู่แต่กับพวกของตัวเอง (6)
แต่พวกการแต่งกายที่อิงฝั่งตะวันออกจะเป็นที่นิยมในวัยรุ่นมากกว่าค่ะ รุ่นใหญ่เขาก็ยังใส่ชุดจากยุคเอ็ดวาร์ดเดียนอยู่ เสื้อใหญ่ๆ แขนพองๆ กระโปรงเป็นจีบ ที่เน้นเลยคือทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองดูรวยค่ะ ใส่เฟอร์ ใส่เครื่องประดับเยอะๆ อะไรก็ได้ที่จะสวยหรูดูแพงที่สุด (2)
มีหมอเดินทางมารักษาเธอจำนวนมาก แต่ไม่มีใครทำสำเร็จ มีทฤษฎีวิเคราะห์เกี่ยวกับอาการของเธอมากมาย บ้างว่าเธออยู่ในโหมดจำศีล บ้างว่าเธอมีอาการผิดปกติทางจิตบางอย่าง แต่ด้วยความรู้ด้านจิตเวชยังน้อยก็เลยไม่สามารถวินิจฉัยใดๆได้ (6)
ศ.ที่ 20 เป็นช่วงที่สีชมพูเริ่มจะชัดเจนและสว่างขึ้น ด้วยเทคโนโลยีสีย้อมเคมีที่ทำให้สีไม่เฟดง่าย และก็มาพร้อมกับค่านิยมที่ว่าผู้ชายในโลกตะวันตกเริ่มใส่เสื้อผ้าที่สีเข้มมากกว่า ทำให้สีที่อ่อนกว่าเริ่มถูกปัดไปเป็นสีของผู้หญิง และเริ่มถูกโยงเข้ากับความอีโรติค (7)
Vauxhall Gardens ซึ่งเป็นที่ที่ดาฟนีกับไซม่อนตกลงจะหลอกผู้คนว่าพวกเขาคือคู่กัน จริงๆเป็นสถานที่ที่มีจริง และเรียกมันว่าเป็นสวนแห่งความเริงรมย์สำหรับผู้ดีรีเจนซี ซึ่งมันเปิดให้กับทุกคนที่มีเงินจ่ายค่าเข้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีการแบ่งชนชั้นเกิดขึ้นในงานอยู่ดี (10)
เหมือนว่า hotstar ก็มีหมวดนี้นะทุกคน แวะเข้าไปดูความเท่กันได้!
อีกหนึ่งทฤษฎีเชื่อว่าคนสมัยก่อนไม่ได้มองเด็กทารกแบบที่เรามองในปัจจุบัน เชื่อว่าเด็ก = ผู้ใหญ่เต็มวัย ตั้งแต่อายุ 7 ปี ซึ่งสอดคล้องกับโบสถ์ที่มองว่าอายุ 7 ปี คือ age of reason หรือเป็นช่วงอายุที่คนเราเริ่มรับผิดชอบบาปของตัวเอง เลยถ่ายทอดเด็กออกมาให้เป็นผู้ใหญ่ (4)
จานอื่นๆที่อยากแนะนำก็เช่น • Kedegree (มาจากอาหารอินเดียที่ชื่อ Khichdi) เป็นข้าวผัดใส่เนื้อปลา ไข่ นม • นมใส่น้ำตาลที่นำไปเคี่ยวจนข้น • ข้าวต้มที่ทำจากวัตถุดิบชั้นดี เช่น ฟักทอง • Potted meat คล้ายๆแสปม กินคู่กันกับขนมปัง เช่น ทำเป็นไส้แซนด์วิช (เป็นมื้อเที่ยงก็ได้นะ) (3)
ในซีรีส์จะเห็นว่าเรื่องฉาวของสาวๆเป็นเรื่องใหญ่มาก นั่นเพราะถ้าเป็นผู้ชายก็ลอยตัวเหนือปัญหาได้ แต่สาวๆต้องปฏิบัติตามกฎของสังคม จะออกไปไหนก็ต้องมีคนคอยติดตาม ต้องประพฤติตัวดีวางตัวดี ไม่งั้นพวกเธออาจจะขายไม่ออกและไม่ได้คู่จากตลาดงานแต่ง (13)
คุณสมบัติหลักๆที่สาวๆพึงมีคือ พูดได้หลายภาษา เล่นเปียโนและร้องเพลงได้ วาดภาพสีน้ำและสีน้ำมันได้ จำสมาชิกราชวงศ์ ชนชั้นสูง รวมถึงประวัติได้ทุกคน เรียนรู้ประวัติศาสตร์คลาสสิคและภูมิศาสตร์ ทั้งยังต้องเป็นโฮสต์ที่ดี และมีลูกได้หลายคนด้วย (6)
จริงๆข้อห้ามเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบโฮโมเซ็กชวลหรือไบเซ็กชวลนี่ไม่ได้ถึงกับเยอะแยะ บางทีการร่วมรักระหว่างชายชายก็ถูกโรแมนติไซส์ เพราะถือว่าการร่วมรักชายหญิงมันทำให้ผู้ชายเหนื่อย (ทางด้านจิตวิญญาณ) ที่มีแบบเปิดเผยได้อีกที่ก็พวกทหาร (2)
พระมีความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ‘นันโชคุ (男色)’ (หรือจะอ่านว่าดันโชคุก็ได้) ซึ่งสื่อถึงการมีอะไรกับผู้ช่วยพระ หรือผู้ที่เพิ่งบวช ซึ่งจะหมายถึงเด็กหนุ่มค่ะ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ยังสามารถมีความสัมพันธ์แบบเปิดกับผู้หญิงได้ (เซ็กส์ระหว่างพระกับผู้หญิงถูกห้ามแบบรุนแรงกว่าอีก) (1)
ซีรีส์พูดถึง Gretna Green เป็นที่ที่คอลิน บริเจอร์ตันบอกมารินา ธอมป์สันว่าจะหนีไปแต่งงานกันที่นั่น ความจริงแล้วสถานที่นั้น ณ สก็อตแลนด์ เป็นที่ที่คนหนีไปแต่งงานกันเยอะมาก เพราะในอังกฤษ ตามกฎหมายการแต่งงานต้องรอโบสถ์เป็นอาทิตย์ แต่ไม่ใช่ที่สก็อตแลนด์ และตรงนั้นก็เป็นชายแดนพอดี(9)
ไหนๆก็เล่าละ เล่าต่ออีกหน่อย • The Royal Horological Conservator: อาชีพคนที่คอยดูแลนาฬิกาทุกเรือนในวัง คือควีนลิซซี่ก็เป็นคนนิยมความดั้งเดิม อะไรโมเดิร์นๆก็ไม่ค่อยสันทัด เพราะงั้นนาฬิกาเป็นพันเรือนในบัคกิ้งแฮมเป็นนาฬิกามีหน้าปัดหมด เลยต้องมีคนคอยดูแลโดยเฉพาะ
รู้ตัวอีกทีก็คือรูปเต็มเครื่องแล้ว โกะโจ เทอมันร้าย! 🥺
‘ทาชิคาว่า (立川流)’ เป็นสาขาหนึ่งของศาสนาพุทธนิกายชิงงน (真言宗) ถือได้ว่าเป็นคัลท์แห่งเซ็กส์หลักของญี่ปุ่น (คือมันมีหลายสาขามากจนต้องยกให้อันนี้เป็นหลักด้านนี้5555) เชื่อว่าการเยสกันคือหนทางสู่การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ เพราะการสอดใส่สื่อถึงการปลดปล่อยตัวเอง (5)
ใครสนใจเรื่องอาหารในยุครีเจนซี คอร์สต่างๆว่ามีอะไรบ้าง อาหารในปาร์ตี้ต่างกับที่กินในบ้านยังไง รวมถึงมารยาทบนโต๊ะอาหาร (ที่เยอะมากกกก) เมนชั่นบอกได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะมาเล่าให้อ่านเธรดหน้า 🥰🤍
ปกติถ้าเทพเจ้าลงไปในน้ำ ตามตำนานของชาว Syrian จะเชื่อว่าเทพเจ้าจะกลายเป็นปลา แต่อะธาร์กาธิสนั้นงดงามมากเกินกว่าที่จะทำให้กลายเป็นปลาได้ แบบสวยจนมนตร์เปลี่ยนเทพให้เป็นปลายังทำใจเปลี่ยนร่างเธอไม่ได้ การเปลี่ยนร่างจึงหยุดอยู่แค่ท่อนล่าง ทำให้เธอกลายเป็นครึ่งคนครึ่งปลานั่นเอง (8)