ใครยังไม่เคยดู แนะนำมากๆๆๆ Ratatouille คือหนึ่งในหนังดิสนีย์/พิกซาร์เรื่องโปรดของเราเลย! จะพาเราไปรู้จักเสน่ห์ความเป็นฝรั่งเศส เรื่องราวสุดประทับใจของคนและหนู ทำให้เชื่อว่า ‘ความฝันไม่เคยระบุเจ้าของฝัน ใครๆก็ฝันได้ทั้งนั้น’ จริงๆค่ะ 🤍
การรีเสิร์ชเรื่องอาหารของทีม pixar คือไปสุดมากจริงๆ ทั้งมีทีมงานถึง 43 คนเข้าเรียนในคลาสเรียนทำอาหารเพื่อศึกษาอาหารฝรั่งเศส และมีอาหารกว่า 270 ชนิดถูกทำขึ้น ถูกถ่ายภาพ และทีมงานก็ได้กินกันจนหมดทุกจานด้วย (10)
อาหารในแถบ Provence ที่มีชื่อเสียง นอกจากราทาทุยแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกมาก เช่น bouillabaisse (สตูปลา), ซอส aioli (ซอสทำจากกระเทียมบด, โอลีฟออยล์, เกลือ), salade niçoise (สลัด) และอื่นๆอีกมาก ซึ่งเป็นอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนแทบจะทั้งนั้นเลยล่ะ (3)
ราทาทุยปกติจะนำผักฤดูร้อนไปทำเป็นสตู หรือต้มโดยใช้ไฟอ่อน อย่าง ซุคคินี มะเขือยาวสีม่วง พริกหยวกแดง/เหลือง มะเขือเทศ และหัวหอม บางทีก็มีเพิ่มผักชนิดอื่น โดยเมนูนี้มาจากแถว Provence ซึ่งอยู่บริเวณตะวันออกเฉียบใต้ของฝรั่งเศส (1)
‘ราทาทุยเหรอ? มันคืออาหารคนจน’ ทำไมราทาทุย/ราทาทูอี (Ratatouille) ถึงเป็นอาหารคนจนล่ะ? ราทาทุยที่เราเห็นในหนังของพิกซาร์มันเป็นราทาทุยจริงๆหรือเปล่า? เธรดนี้จะพามารู้จักความฝรั่งเศสในเมนูอาหารที่เคยเป็นอาหารชาวบ้าน ก่อนจะกลายมาเป็นอาหารประจำภัตตาคารหรูในปัจจุบันค่ะ 🤍
เครื่องเล่น Splash Mountain ที่ดิสนีย์เวิร์ลกำลังจะถูกรีโนเวทให้เป็นธีม Princess and the Frog แทน ก็เลยมีคนเอาน้ำจากเครื่องเล่นที่กำลังจะถูกปิดปรับปรุงมาขายตามอีเบย์ แล้วขายแพงมาก แล้วมีคนซื้อด้วยอะ55555555555 ใครสนใจเก็บสะสม (?) ไปตำกันได้นะคะ 😂
โชว์หน้าปราสาทดิสนีย์มีไอต้าวเบย์แม็กซ์โผล่มาบินโชว์ด้วยอะ โคตรเจ๋ง น่ารักมาก 🥹🤍
หนึ่งในพูดถึงคุมกำเนิดที่ถูกวาดขึ้นในโปสการ์ดยุควิคตอเรียน ก็คือให้สาวๆเอาร่มฟาดนกกระยางที่จะเอาเด็กมาให้เลยจ้า ออกไปนะเจ้านกร้าย ป้องกันไม่ได้ก็ใช้ร่มฟาดนกไปเลยสิคะ ไว้จะมาทำเธรดเกี่ยวกับการคุมกำเนิดยุควิคตอเรียนให้อ่านค่ะ เปิดโลกมากจริงๆสมกับเป็นยุคนี้
ถ้ามีเงินเยอะมากๆๆแบบชีวิตนี้ไม่ต้องทำงานก็อยู่ได้ ความฝันที่จะทำคือไปเรียนภาษาแต่ละประเทศรอบโลก ปีละประเทศงี้ เพราะนอกจากจะได้ภาษาแน่ๆแล้ว ยังได้รู้จักการเป็นอยู่ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของประเทศนั้นๆแบบของแท้ ที่สำคัญได้รู้จักเพื่อนจากรอบโลกด้วย คงจะดีมากเลย
เธรดนี้จะมาเล่าเรื่องของ “ผีแห่งกรีนไบเออร์ (The Greenbrier Ghost) ที่เชื่อว่าเธอกลับมาหลังจากถูกฆาตรกรรมเพื่อสืบคดีของตัวเองให้อ่านกันค่ะ โดยถือว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากๆสำหรับอเมริกาในช่วงเดียวกับยุควิคตอเรียน คนที่จากไปแล้วสามารถช่วยไขคดีได้จริงๆเหรอ?
ทำไมแฟชั่นยุค 2000s ถึงกลับมาฮิต? เคยมีการวิเคราะห์เอาไว้ว่า เทรนด์แฟชั่นจะกลับมาฮิตใหม่ในทุก 20 ปี เหมือนเป็นวงโคจรของแฟชั่น รวมไปถึงการที่ผู้คนในปัจจุบันโหยหาถึงอดีตนั่นเอง (เมื่อไหร่จะมีคนเอาเทรนด์ยุครีเจนซีกลับมาบ้าง ชั้นยังแต่งเป็นสาวรีเจนซีไปเดินเล่นสวยๆ55555) (13)
ไม่ใช่ว่าแฟชั่นสไตล์นี้ fatphobic (อาการกลัวความอ้วน) หรืออะไร แต่บางคนเชื่อว่า มันถูกออกแบบมาไม่ให้เข้ากับรูปร่างของคนอวบหรือคนอ้วนมากกว่าเท่านั้น แต่ในปัจจุบันเอง ก็มีสาวๆในทุกสัดส่วนเอ็นจอยการแต่งตัวสไตล์นี้กันมากมาย สวยๆกันทั้งนั้นด้วยล่ะ 🥰💖 (12)
ทีนี้ ปัญหาของแฟชั่นยุค 2000s (หรือ Y2K ในปัจจุบัน) ในสมัยก่อนคืออะไร? แฟชั่นยุคนั้นออกแบบมาโดยคาดหวังให้สาวๆไม่มีพุง (พุงเรียบแบบกระดาน) ขาไม่เบียด สะโพกและแขนเล็ก แถมหลายทีก็ไม่มีขายในทุกไซส์ ทำให้คนที่มีสิทธิ์ซื้อใส่ได้คือคนที่ตัวเล็ก เข้ากับ beauty standard เท่านั้น (11)
ต่างหูห่วงที่นิยมใน Y2K เองก็มาจากวัฒนธรรมคนดำเช่นกัน เริ่มมาจากที่แอฟริกา ก่อนจะกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการแต่งกายของพวกเจ้าอียิปต์ ก่อนจะมาป็อปปูลาร์ในช่วง 60s/70s ใครเคยดู Mean Girls น่าจะยังคำซีนที่เรจิน่าห้ามเกรทเชนใส่ต่างหูห่วงได้ (10)
รวมไปถึงไอค่อนของแฟชั่นทั่วไปในยุค 2000s ที่นอกจากหนังเรื่อง Clueless, Mean Girls หรือบุคคลอย่าง Britney Spears หรือ Paris Hilton แล้ว ก็ยังมีวงเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง Blaque และ Destiny’s Child ที่นำเทรน Y2K (ในปัจจุบัน) อย่าง กางเกงเอวต่ำหรือเสื้อซับในนีออนอีกด้วย (9)
วัฒนธรรมของคนดำเองก็มีส่วนใหญ่ๆเลยที่มีอิทธิพลต่อแฟชั่น Y2K ในสมัยก่อน โดยนักร้องคนดำอย่าง Missy Elliott หรือ Janet Jackson เป็นผู้มีส่วนบุกเบิก โดยการใช้คอนเซ็ปต์ ‘Afrofuturism (จากปี 70s ที่พูดถึงนักท่องอวกาศคนดำในบรรยากาศอวกาศ)’ในการทำเพลง (8)
นั่นคือ ‘Escapism’ หรือ ‘การหลบหนีจากความเป็นจริง’ เพราะโลกในปัจจุบันเต็มไปด้วยความขัดแย้งทั้งในและนอกประเทศ ปัญหาการเมือง ทั้งยังโรคระบาด ผู้คนต่างก็อยากเดินทางไปสู่ยุคที่ดีกว่า 20 กว่าปีที่แล้วเป็นอย่างไร ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่ แฟชั่นเป็นอีกหนึ่งทางในการแสดงออก (7)
การแต่งตัวแบบ Y2K ในความหมายปัจจุบันเช่น กระเป๋าแฮนแบค มินิสเกิร์ต กางเกงเอวต่ำ กระโปรงสั้น หรือสีชมพู แบบในเรื่อง Mean Girls ซึ่งคำว่า Y2K ก็กลายมาเป็นประโยคติดปากของหลายๆคน แต่ถึงความหมายของแฟชั่น Y2K แบบเมื่อก่อนกับในปัจจุบันจะต่างกัน หัวใจหลักร่วมกันของทั้งสองก็ยังอยู่ (6)
แฟชั่น Y2K ค่อยๆเฟดไปในช่วงต้น 2000s เพราะสถานการณ์ทางการเมืองและสังคม ทั้งเหตุการณ์ 9/11 หรือสงครามอิรัก ทำให้ฝันแห่งยูโทเปียของผู้คนเริ่มหายไป แต่ในปัจจุบันหากพูดถึง Y2K จะกลายเป็นแฟชั่นในยุค 2000s แบบรวมๆแทน (5)
ตัวอย่างของแฟชั่น Y2K เช่น คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วงของ Dior ในปี 1999 โดยดีไซนเนอร์บอกว่าตนได้แรงบันดาลใจมาจากหนัง The Matrix (4)
คาร์แรคเตอร์ของลุคนี้คือความกึ่งโปร่งแสง (translucency) และสีออกรุ้ง (iridescence) ถ้าเป็นเสื้อผ้าก็จะประกอบด้วยเสื้อตาข่าย กระโปรงหนังหรือซาติน เสื้อแบบเมทัลลิก หรือ รองเท้าประกายวิบวับ เหล่านี้ก็มีแรงบันดาลใจจากแผ่นซีดี ซึ่งก็เพิ่งถูกคิดค้นไม่นานในยุคนั้น (3)
แอสเทติคของ Y2K จึงเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์ของโลกยูโทเปีย อันเป็นโลกที่เทคโนโลยีจะแก้ไขปัญหาได้หมด รวมไปถึงความกังวลเรื่องของอนาคต (คล้ายในหนัง The Matrix) แรงบันดาลใจของมันคือการกำเนิดของอินเตอร์เน็ต และความเป็นไปไม่ได้อันไม่มีที่สิ้นสุดของโลกเทคโนโลยี (2)
Y2K คือตัวย่อของปี ‘2000’ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปลาย 1990s มาจนถึง 2000s เป็นช่วงที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมก้าวหน้า รวมถึงมีเหตุการณ์ dot-com boom (การพุ่งตัวของมูลค่าตลาดหุ้นของเทคโนโลยีในเมกา อันเป็นผลพวงจากบริษัทที่เกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต) คำว่า Y2K ยังสื่อถึงบั๊กในคอมด้วย (1)
เธรดนี้จะมาทำความรู้จักประวัติศาสตร์ของแฟชั่นการแต่งตัว Y2K กันค่ะ 💖 มีที่มายังไง ใช่แบบที่เราเห็นกันในปัจจุบันไหม ทำไมถึงกลับมาฮิต รวมไปถึงบางมุมมองในเรื่องของปัญหาที่พ่วงมากับแฟชั่นสไตล์ 2000s ในยุคสมัยก่อน (ที่ในปัจจุบันน่าจะมีความเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อยแล้วล่ะ)
ยุค Roaring ‘20s (1920s) เป็นอีกหนึ่งยุคที่น่าสนใจ เมกาที่เพิ่งผ่านเรื่องหนักๆอย่างสงครามโลกและไข้หวัดใหญ่สเปนมา เข้าสู่จุดเปลี่ยนจากยุควิคตอเรียนแบบเก่าๆ ทำให้มันกลายเป็นยุคที่สุดเหวี่ยงอีกยุค เธรดนี้อยากพูดถึงแฟชั่นจากยุคสองศูนย์ให้อ่านค่ะ อาจเคยเห็นคุ้นๆกันในหนัง/ซีรีส์มาบ้าง!