• Selkies คือตำนานเงือกของชาวไอริช ซึ่งนี่คือครึ่งคนครึ่งแมวน้ำค่ะ ถ้าพวกเธออยากขึ้นบก จะลอกคราบแมวน้ำออกและซ่อนผิวแมวน้ำไว้หลังหิน น่าเศร้าที่ชายใดก็ตามสามารถแต่งงานกับพวกเธอได้ถ้าขโมยผิวแมวน้ำของพวกเธอไป (และเก็บให้ดี ทาน้ำมันให้มันบ่อยๆ) (11)
พูดถึงอาหารที่เสิร์ฟกันบ้าง แน่นอนที่ขาดไม่ได้เลยคือสโคนกับคล็อตเตท ครีมค่ะ แล้วก็จะมีพวกเค้ก แซนด์วิชไส้ต่างๆ ที่ตัวขนมปังจะออกสปอนช์ๆหน่อย (ยืนหนึ่งเลยคือไส้แตงกวา มีแทบทุกงาน) คุ้กกี้ ไอศกรีม (9)
เชื่อว่าโรคระบาดนี้ทำให้เกิดสถานะ ‘ชนชั้นกลาง’ ขึ้นเป็นครั้งแรกในอังกฤษค่ะ เมื่อก่อนจะมีแค่ชาวบ้านกับเจ้านายใช่มั้ย ซึ่งชาวบ้านมีเป็นจำนวนมากแต่ก็ล้มตายมาก ประชาชนชาวบ้านที่เหลืออยู่จึงสามารถเลือกงานได้ตามใจ แถมได้เงินดีกว่ายุคก่อนหน้าด้วย นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของชนชั้นกลาง (10)
กฎบนโต๊ะอาหารมีประมาณร้อยแปดพันอย่าง เดี๋ยวจะมาทำเธรดแยกเจาะลึกค่ะ วันนี้เอานำจิ้มไปก่อน55555 แต่กฎอย่างนึงที่ผู้ร่วมโต๊ะกับควีนต้องจำขึ้นใจคือ เมื่อใดก็ตามที่ควีนหยุดกินแล้ว คุณต้องหยุดกินเช่นกัน ซึ่งกฎนี้มีมาย้อนไปตั้งแต่ยุควิคตอเรียน (6)
แขกชายตำแหน่งสูงจะนั่งถัดจากฝั่งขวาของเจ้าบ้านหญิง ส่วนแขกหญิงจะนั่งถัดจากฝั่งขวาเจ้าบ้านชาย ในกรณีนี้จะมีอาหาร 2 คอร์สค่ะ โดยคอร์สแรกจะมีทั้งเนื้อ หรือไก่อบ/ต้ม ซุปต้องมีแน่นอน บางทีก็มีปลาทั้งตัว ส่วนคอร์สสองจะเป็นอาหารที่เบากว่า เช่นเนื้อตุ๋น พาย ทาร์ตผลไม้หรือเยลลี่ (10)
มาพูดถึงตัววิหารนอเธอร์ดามกันก่อนดีกว่า ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในช่วง ศ.ที่ 12-14 ค่ะ ซึ่งสไตล์สถาปัตยกรรมจะเป็นแนว โกธิค ซึ่งถือว่าเป็นแนวประจำยุคกลางเลยก็ว่าได้ สถาปัตยกรรมแนวโกธิคมีลักษณะเด่นคือมีวงโค้งแหลม (Pointed Arch) ซึ่งทำให้พื้นที่รับแสงได้มากขึ้น ส่งผลให้อาคารสูงขึ้น (1)
ในช่วงการมีอยู่ของศาลศาสนาสเปน (Spanish Inquisition) ที่กระทำการล่าแม่มด หนึ่งในคุณสมบัติของแม่มดคือถนัดซ้าย เพราะถือว่าเป็นคนไม่ปฏิบัติตามหลักคาธอลิค จะถูกลงโทษ และมีถึงขั้นคร่าชีวิต (6)
ถ้าสนใจจะมาทำเธรดของกินสุดหรูบนสายการบินในยุคทองของการบินให้อ่านนะคะ ใครสนใจเมนชั่นบอกมาได้เลย 🥰🤍
3) ชั้นสูง: สาวๆชั้นนี้จะสวยมากกก สวยระดับดาราฮอลลีวู้ด/นางแบบในปัจจุบัน พวกเธอจะทำงานกับคนชั้นสูง สมาชิกราชวงศ์ นักการเมือง คนรวยเท่านั้น บางคนก็ทำงานให้กับคนคนเดียวไปเลย และกลายเป็นเมียรอง หรือแม้แต่แต่งงานเลยก็ได้ (8)
เพื่อมาดูคิงอาบน้ำ (หรือใช้คำว่าเอาน้ำล้างตัวดี?) หวีผม โกนขน โดยคนที่เข้ามาดูเป็นผู้ชายทั้งหมด และมีจำนวนประมาณ 100 คน! จากนั้นคนที่มีหน้าที่ดูแลห้องและเสื้อผ้าจะนำเสื้อผ้ามาให้ ช่วยแต่งตัว และคิงจะรับอาหารเช้าซึ่งคือซุปในห้องนอนนั้นเลย (4)
ถ้าเป็นถุงมือยาวถึงศอก จะมีสีน้ำตาลหรือเทาสำหรับออกนอกบ้านเวลากลางวัน ส่วนสีขาวจะเหมาะกับกิจกรรมในร่มช่วงหน้าร้อน ส่วนมากจะใส่กับชุดกลางคืนค่ะ ถุงมือสั้นก็นิยมใส่กับแขนยาว แบบที่มีเฟอร์ก็จะใส่กันในหน้าหนาว ส่วนแบบลูกไม้นิยมใส่หน้าร้อนค่ะ อากาศจะได้ถ่ายเท (5)
คู่รักยุครีเจนซีจะสื่อสารกันผ่านจดหมายค่ะ ซึ่งการส่งจดหมายนี่ถือว่าเป็นเรื่องจริงจังสำหรับทั้งคู่แล้ว เพราะการเขียนจดหมายสามารถสื่อรักไปถึงอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ทำให้รู้จักกันมากขึ้นด้วย ซึ่งจะเป็นฝ่ายชายที่ต้องเขียนออกมาให้ดี ในขณะที่ฝ่ายหญิงคือผู้อ่านและตัดสิน (11)
บทสนทนาบนโต๊ะอาหารจะถูกวางไว้แล้ว ในช่วงคอร์สแรกของมื้อ ควีนจะคุยกับคนที่นั่งอยู่ทางขวาของตัวเอง เพราะลำดับที่นั่งนั้นถือเป็นของแขกผู้มีเกียรติ ส่วนคอร์สที่สองก็จะคุยกับคนที่นั่งทางด้านซ้าย และคนในราชวงศ์ก็ทำตามกฎนี้เช่นกัน เพื่อให้บทสนทนาบนโต๊ะอาหารไหลลื่น (9)
ป้ายนี้น่ารักแม่กกก ห้ามให้อาหารพวกแฟรี่นะ ไม่งั้นพวกเค้าจะขี้เกียจจนเคยตัวและหยุดหาอาหารเอง ที่สำคัญ พวกมดก็อาจจะมาแย่งกินไปหมด! เพราะมีประตูพวกนี้รอบเมือง เด็กๆก็ชอบเอาของจิ๋วไปวางไว้หน้าประตูให้กับพวกแฟรี่ล่ะ 🌻
หน้าต่างนี้คือ South Rose Window ค่ะ ตรงกลางคือพระคริสต์เจ้าล้อมรอบไปด้วยนักบุญและเทพธิดา เจ้า Rose Window นี้มีทางทิศเหนือและตะวันตกด้วย ถ้าใครเคยดูหนังและจำเพลง God Help the Outcasts ได้ มันคือหน้าต่างที่เอสเมอรัลด้ายืนให้แสงส่องนั่นเอง เหมือนพระเจ้ากำลังรับฟังเธออยู่เลย (4)
ส่วนผู้โดยสารหญิงชั้นสาม โอกาสรอดน้อยสุดเลยค่ะ ส่วนมากจะเป็นผู้อพยพที่ต้องการไปสร้างชีวิตใหม่ที่อเมริกาพร้อมครอบครัว จากจำนวน 165 คน มีแค่ 76 คนที่รอด ที่เป็นแบบนั้นเพราะประตูที่กั้นชั้นสามเอาไว้ถูกล็อคอยู่อย่างงั้นหลังจากเรือชนน้ำแข็งไปแล้วด้วยค่ะ (6)
เป็น opening ของอาร์คที่ทำร้ายจิตใจมาก ฮือ แค่ช็อตแรกก็จะร้องไห้ เกะเอ้ยโตะเอ้ย ㅜㅡㅜ
ดอดจ์สันใช้เวลาส่วนมากกับเด็กๆ แต่ก็ไม่พบหลักฐานชัดเจนว่าเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเด็กๆเหล่านั้น แต่มีคนเคยวิเคราะห์ไว้ว่าในหนังสือที่อลิสตกลงไปในบ่อ คือการอุปมาถึงการมีเพศสัมพันธ์ (10)
นางมาพร้อมกับคอร์เซ็ตที่จะรัดจนสโนว์ไวท์ขาดอากาศหายใจ (แต่คนแคระมาเอาออกได้ทัน) ครั้งที่สองมากับหวีอาบยาพิษ ที่เธอเอาไปติดไว้บนผมสโนว์ไวท์ (แต่คนแคระมาเอาออกทันเช่นเคย) ส่วนครั้งสุดท้ายนางถึงจะเอาแอปเปิ้ลอาบยาพิษมาให้กิน และรอบนี้เพราะมันคือการกินเข้าไปในร่าง คนแคระเลยช่วยไม่ได้
ตุ๊กตาโตโตโร่คือน่ารักแบบจะเปนลม น่ารักจนใจเจ่บ น้องนิ่มมากด้วย ฮรือ กองทัพโตโตโร่ ㅜㅡㅜ
อย่างที่บอกว่าการไว้ทุกข์กับผู้หญิงในยุคนั้นเป็นของคู่กันมากๆ เหมือนเป็นตัวแทนของความเศร้าอะ ถ้าสามีเสียก็คือต้องถูกคาดหวังจากสังคมเลย อย่างน้อยสองปีที่ต้องไว้ทุกข์ แยกตัวจากสังคม เศร้าตลอดเวลา
สเตจที่สองเรียกว่า second mourning ซึ่งจะลากยาวไปอีกประมาณ 9-12 เดือน สเตจนี้เธอจะถอดผ้าคลุมหน้าได้ แต่ก็ยังต้องใส่ชุดดำ ส่วนเสตจสุดท้ายคือ half mourning ประมาณ 6 เดือน ซึ่งใส่ได้แต่เสื้อผ้าสีเข้มเท่านั้น หลังจากนี้จะยังใส่สีเข้มหรือไม่ก็แล้วแต่เลย
แมรี่ (พี่สาวของแอนน์) ก็เคยเป็นภรรยาน้อยของคิงเฮนรีที่ 8 ก่อนที่แอนน์จะเข้ามา ทั้งสองเคยทำงานร่วมกัน โดยก่อนหน้านี้เธอก็เคยเป็นภรรยาของคิงฟรานซิสแห่งฝรั่งเศสเช่นกัน ซึ่งการที่พี่ตัวเองเคยเป็นเมียผัวตัวเองก็ทำให้แอนน์ไม่สบายใจที่จะแต่งกับเฮนรี เพราะว่า (1)
วันนี้ท้องฟ้าที่หัวหินสวยมากเลยเอามาฝาก ขอให้มีค่ำคืนที่ดีและพรุ่งนี้ที่ดีกว่าวันนี้นะคะ :-)
สไตล์ศิลปะยุคกลางจะเน้นไปที่ expressioionistic มากกว่า realistic กล่าวคือ ศิลปินไม่ได้สนใจความสมจริง แต่จะสนใจการถ่ายทอดออกมาตามวิถีการวาดที่ทำกันในสมัยนั้น อย่างที่บอกว่าส่วนมากภาพจะวาดเกี่ยวกับศาสนามากกว่าชีวิตประจำวัน กฎเกณฑ์ศิลปะก็จะเอียงไปทางที่โบสถ์ต้องการ (3)