บันทึกจากชาวไอร์แลนด์จะถูกบันทึกโดยนักบวช ซึ่งพูดถึงความล้มเหลวในการปลูกพืช และปัญหา ‘ขาดแคลนขนมปัง’ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของคนในยุคนั้น (นักบวชไอริชเชื่อในการเรียนรู้ เพราะงั้นเค้าจะทำการบันทึกเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย) (6)
ด้วยความที่ยังไม่มีความรู้ด้านอุตุนิยมวิทยามากพอ ผู้คนยังไม่รู้ว่าสภาพอากาศและเถ้าหมอกเกิดจากภูเขาไฟระเบิด จึงทำให้ผู้คนหวาดกลัวและโยงมันเข้ากับพลังที่มองไม่เห็น (7)
นักวิชาการเรียกยุคนี้ว่า ‘Little Ice Age’ ค่ะ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของอากาศส่งผลให้โลกเย็นลงประมาณศตวรรษนึง แต่ผลที่ตามมาคือความอดอยากและปัญหาการเพาะปลูก และสุขภาพของผู้คนที่อ่อนแอลง และหนึ่งในตัวการคือภูเขาไฟระเบิดค่ะ โดยภูเขาไฟที่เอล ซาวาดอร์คือจุดเริ่มต้นของปีมหาโหดนี้ (8)
แต่นักวิชาการบางท่านเชื่อว่าการระเบิดไล่เลี่ยกันของภูเขาไฟในอเมริกาเหนือคือตัวการที่ทำให้เมฆหมอกและเถ้าถ่านปกคลุมทั่วยุโรปค่ะ (9)
อารยธรรม Moche (แถบเปรูในปัจจุบัน) ที่เคยรุ่งเรืองทางด้านการเดินเรือ ประมง และเขื่อน ได้รับผลกระทบหนักมากค่ะ เพราะปรากฏการณ์เอลนิโญที่เกิดขึ้นทำให้น้ำอุ่นและประชากรปลาลดลง รวมถึงน้ำท่วมและฝนตกทำลายระบบชลประทานและผู้นำไร้ประสิทธิภาพ ก็นำไปสู่ความอดอยากและบั่นทอนความรุ่งเรือง (10)
แล้วหลังจากปี 536 เกิดอะไรขึ้นต่อ? มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง? ยุโรป/เอเชียฟื้นฟูตัวเองกันอย่างไร เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อในเธรดนี้ให้อ่านนะคะ ค่อนข้างยาวหน่อย แต่ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ 🤍🤍
เป็น opening ของอาร์คที่ทำร้ายจิตใจมาก ฮือ แค่ช็อตแรกก็จะร้องไห้ เกะเอ้ยโตะเอ้ย ㅜㅡㅜ
รอเล่มนี้มานานมากกก หนังสือเกี่ยวกับการแต่งกายของคนในยุคกลางล่ะ ทีนี้จะได้วิเคราะห์แฟชั่นของยัยออโรร่าและเจ้าหญิงนิทรากับคนค่อมนอเธอร์ดามสักที 🤍
วันนี้เอาแต่ละห้องในปราสาทอสูรจาก Beauty and the Beast มาให้ดูกันค่ะ 🏰 ของแอเรียลว่าน่าอยู่แล้ว ของอสูรปังมากก จุดสูงสุดของปราสาทเป็นห้องออร์แกน ที่ห้องสมุดมีระเบียงกับกล้องไว้ดูดาว (ของยัยเบลล์แน่ๆ) ละห้องโถงเต้นรำคือใหญ่มากกกก อลังการสุด!
ชอบที่มุมซ้ายของปราสาทคือมีห้องนั่งเล่นเล็กๆด้วย เดาว่าเป็นห้องที่มอริสเดินไปเจอ ละก็เป็นห้องที่เบลล์ทำแผลให้อสูรด้วย ส่วนห้องนอนของเบลล์เป็นสีชมพูล่ะ เป็นห้องที่วิวดีที่สุดในปราสาทด้วยนะ 🤍
ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะคะ 。•‿•。
บาร์บี้ตอนเจ้าหญิงกับสาวผู้ยากไร้คงเป็นตอนโปรดของหลายๆคนเลย รู้กันไหมคะว่าต้นฉบับจริงๆเป็น ‘เจ้าชาย’ (The Prince and the Pauper) ล่ะ ความน่าสนใจคือมันถูกเขียนขึ้นเพื่อเสียดสีความไม่เท่าเทียมกันในสังคมอังกฤษสมัยก่อน แถมว่ากันว่าอ้างอิงจากคนที่มีอยู่จริงด้วยนะ มาลองอ่านกันค่ะ (1)
The Prince and the Pauper เขียนโดย Mark Twain ค่ะ เซตติ้งของเรื่องอยู่ในปี 1547 ในประเทศอังกฤษ โดยตัวเอกของเรื่องคือเด็กหนุ่มสองคนที่เกิดวันเดียวกันและมีหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ คนนึงชื่อ Tom Canty เป็นเด็กยากไร้ที่อาศัยอยู่กับพ่อที่ชอบใช้ความรุนแรง และเจ้าชาย Edward IV (2)
ทอม แคนตี ลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวยากจนในลอนดอน ฝันอยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมมาตลอดเพราะได้รับการสอนจากนักบวชประจำเมือง วันหนึ่งเขาเดินเล่นอยู่แถวประตูวัง และก็ได้พบกับเจ้าชายเอ็ดวาร์ดที่ 4 แห่งเวลส์ และด้วยความตื่นเต้นทำให้เขาเผลอเข้าใกล้เกินไป จนเกือบโดนทหารเจ้าชายกระทืบ (3)
แต่เจ้าชายห้ามไว้และชวนทอมเข้าไปในห้องในวังของตัวเอง ทั้งคู่ได้รู้จักกันมากขึ้น ว้าวมากกับที่หน้าเหมือนกันแถมเกิดวันเดียวกัน จึงตัดสินใจสลับตัวกันดูชั่วคราว เจ้าชายในคราบทอม ออกมาจากปราสาทสำเร็จ ได้เดินทางไปยังบ้านแคนตี ที่นั่นเขาได้พบกับพ่อขี้เหล้าของทอมที่พยายามทำร้ายเขา (4)
เจ้าชายตัดสินใจหนีออกมา และพบกับไมลส์ เฮนดอน ผู้เป็นทหารเพิ่งกลับจากสงคราม ไมลส์ไม่เชื่อว่าเขาคือเจ้าชาย แต่ด้วยความเอ็นดู ก็เลยตกลงจะปกป้องเขา ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวว่าพ่อของเจ้าชายเอ็ดวาร์ดสิ้นพระชนม์ และเจ้าชายจะได้ขึ้นครองราชย์ (5)
ฝ่ายทอมในร่างเจ้าชาย พยายามอย่างมากในการปรับตัวทั้งในเรื่องมารยาทและการประพฤติตัวของเจ้าชาย แต่ท่าทางที่แปลกไปของเจ้าชายกำมะลอทำให้คนในวังคิดว่าเจ้าชายป่วย และความจำเสื่อม ทุกคนพยายามถามถึง ‘ผนึกลับแห่งอังกฤษ’ ที่หายไปกับเขา แต่เขาก็ตอบไม่ได้ (ผนึกถูกซ่อนไว้โดยเจ้าชายตัวจริง) (6)
แต่เมื่อทอมได้ทำการตัดสินคดี ก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าทอมปกติดี ฝ่ายเอ็ดวาร์ดได้ประสบกับความโหดร้ายและน่าอนาถของชีวิตคนยากจนในอังกฤษ และความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น โดยเฉพาะความทารุณของบทลงโทษ ที่ทำการเผา เฆี่ยน ทรมาณ ทั้งที่หลักฐานไม่ได้เพียงพอกับการเอาผิดเลย (7)
เจ้าชายสาบานว่าเมื่อคืนสู่บัลลังก์ ตนจะปกครองโดยความเมตตา แต่เมื่อเจ้าชายประกาศฐานะตัวเองกับกลุ่มโจร นอกจากจะไม่มีใครเชื่อ ยังคิดว่าเอ็ดวาร์ดเป็นบ้า และจัดพิธีราชาภิเษกแบบล้อเลียนให้ด้วย เอ็ดวาร์ดผ่านการผจญภัยมากมาย จนสุดท้ายก็ได้ปรากฎตัวในงานราชาภิเษกของทอมในคราบเจ้าชาย (8)
ทีแรกก็ไม่มีใครเชื่อ แต่เอ็ดวาร์ดได้เปิดเผยที่ซ่อนของผนึกลับ ทำให้ความจริงปรากฎ เอ็ดวาร์ดได้กลายเป็นพระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่สี่แห่งอังกฤษ และได้มอบตำแหน่งเอิร์ลให้กับไมลส์ ทำให้เขาและครอบครัวสามารถนั่งเวลาอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ได้ (9)
ส่วนทอม เอ็ดวาร์ดได้มอบตำแหน่ง ‘คนของพระราชา’ ซึ่งตำแหน่งนี้สำคัญและพิเศษมาก ทอมมีตำแหน่งนี้ติดตัวไปตลอดชีวิต ในตอนจบ เอ็ดวาร์ดเสียชีวิตไปก่อนในวัยรุ่น แต่ภายใต้การปกครองของเขา ถือเป็นยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความเมตตา ส่วนทอมอายุยืนจนแก่เฒ่า (10)
ถึงจะไม่ได้สร้างจากเรื่องจริง แต่เชื่อว่าเจ้าชายเอ็ดวาร์ดอ้างอิงจากเจ้าชายเอ็ดวาร์ดที่สี่ บุตรของพระเจ้าเฮนรีที่แปดค่ะ เพราะชื่อราชาผู้พ่อและตัวละครทางประวัติศาสตร์ที่มีอยู่จริงปรากฎให้เห็นในเรื่อง การตายของราชาในเรื่องกับพ่อของเอ็ดวาร์ดคือปี 1547 ซึ่งเป็นเซตติ้งของเรื่องด้วย(11)
เรื่องของเจ้าชายกับยาจกถูกนำไปดัดแปลงทั้งโดยตรงและบางส่วนเยอะแยะมากค่ะ นอกจากเรื่องของบาร์บี้ ก็มีตัวอย่างเช่น • The Parent Trap • It Takes Two • The Prince and the Pauper: The Movie นอกจากนี้ยังเป็นละครเวทีและการ์ตูนสั้นด้วยนะคะ
จริงๆคิดว่าตัวเองดูหนังเซตติ้งยุคกลางมาระดับนึง ถ้าจะทำเธรดแนะนำเรื่องที่คิดว่าค่อนข้างโอเคในเรื่องของความถูกต้องตามประวัติศาสตร์ พวกรายละเอียดเช่นการแต่งกาย วัฒนธรรม ความเชื่องี้ สนใจกันมั้ยคะ แต่ก็จะอิงตามความคิดเรานะ อาจจะมีใช่บ้างไม่ใช่บ้าง55555
เดอะเบสแบบไม่มีอะไรมาลบล้างได้ ㅜㅡㅜ