พิธีแรกคือ Levée หรือพิธีตื่นนอน จะเริ่มทุก 8.30 ของทุกวัน โดยคนที่จะพูดว่า ‘ฝ่าบาท ได้เวลาตื่นบรรทมแล้ว’ คือคนรับใช้ชายลำดับแรก จากนั้นจะเป็นแพทย์ประจำตัวและแพทย์ผ่าตัดมาตรวจดูสุขภาพ แล้วพิธีถึงจะเริ่ม โดยบรรดาคนที่มีบทบาทสำคัญและมิตรสหายจะเข้ามาในห้องนอนของคิง (3)
เพื่อมาดูคิงอาบน้ำ (หรือใช้คำว่าเอาน้ำล้างตัวดี?) หวีผม โกนขน โดยคนที่เข้ามาดูเป็นผู้ชายทั้งหมด และมีจำนวนประมาณ 100 คน! จากนั้นคนที่มีหน้าที่ดูแลห้องและเสื้อผ้าจะนำเสื้อผ้ามาให้ ช่วยแต่งตัว และคิงจะรับอาหารเช้าซึ่งคือซุปในห้องนอนนั้นเลย (4)
ซึ่งจริงๆจะแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ • The Grand Entrée began: คนที่ถือสิทธิ์ได้เข้าก่อน (ซึ่งสิทธิ์พวกนี้ซื้อได้ด้วย) จะได้เห็นคิงใส่วิกกับเสื้อขณะยังอยู่บนเตียง • Première Entrée: คนที่ถือสิทธิ์น้อยกว่า เข้ามาตอนใส่เสื้อผ้า (ว่ากันว่าหลุยส์ 14 ชอบแต่งตัวเอง แต่ต้องมีคนถือกระจกให้)
เวลา 10 โมง คิงจะเดินผ่าน Hall of Mirrors ที่เป็นทางผ่าน โดยจะมีพวกขุนนางเดินตาม และผู้คนยืนขนาบสองข้างทาง บางทีก็จะได้พูดคุยหรือมอบจดหมายลับๆให้ ก่อนที่คิงจะไปทำพิธีแมซ (ของทางศาสนาคริสต์) ประมาณครึ่งชม. (5)
11 โมง: เป็นเวลาของการประชุมสภาที่จะจัดขึ้นในห้องของพระองค์ แต่ละวันก็จะเป็นวันของแต่ละสภาสลับกันไป ซึ่งส่วนมากจะมีตัวแทนจากกระทรวงประมาณ 5-6 คน ที่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ ฟังคิงเป็นส่วนมาก บ่ายโมง: เป็นเวลามื้อกลางวันที่ปกติต้องรับคนเดียว แต่หลุยส์ 14 ชอบให้พวกขุนนางมาอยู่ด้วย (6)
บ่ายสอง: เป็นเวลาของการบอกแพลนและออกคำสั่ง ถ้าจะไปเดินเล่น ก็เป็นการเดินเท้าในสวนหรือนั่งรถม้ากับสาวๆ ถ้าไปล่าสัตว์ก็จะไปที่สวนสาธารณะพร้อมกับอาวุธ และถ้าล่าในป่าก็จะขี่ม้า 6 โมง/1 ทุ่ม: หลุยส์ที่ 14 มักจะปล่อยให้ลูกชายดูแลเรื่องงานเลี้ยง ความบันเทิงในวัง ส่วนตัวเองนั้น- (7)
ความไม่เท่าเทียมของการศึกษาในยุควิคตอเรียนแบบชัดๆเลยคือมีหมอ (ผู้ชาย) หลายคนออกมาพูดว่าผู้หญิงที่เรียนหนังสือมากไปจะไปทำให้ระบบการมีลูกมีปัญหา (???) ซึ่งพอมหาลัยเปิดรับผู้หญิง พ่อแม่ก็ไม่กล้าส่งลูกสาวไปเพราะกลัวขายไม่ออก แต่ก็เพราะสาวๆที่ได้เรียนนี่แหละถึงเรียกร้องสิทธิ์เลือกตั้ง
เมื่อเพื่อนอยากรู้ว่าท่าอุ้มแตงภาษาอังกฤษคืออะไร แล้วดูนังกูเกิ้ลมันแปลให้ เออขอบใจนะ เพื่อนสบายใจละคืนนี้
เพิ่มเติม: คือจริงๆอีตาเจ้าของ Kellogs ไม่ได้โปรโมทคอนเฟล็คว่าจะช่วยหยุดความหงี่หรือการช่วยตัวเอง แต่เขาเชื่อว่ามันจะช่วยหยุดได้จริงๆ (แบบเชื่อแต่ไม่ได้เอามาใช้ในการโปรโมท) แต่อิตานี่เป็น racist ตัวเป้ง คือซัพพอร์ต euginics เชื่อว่าต้องหาทางพัฒนาคุณภาพยีนส์ของมนุษย์- (มีต่อ)
โดยมนุษย์ต้องสมบูรณ์แบบ มันเลยนำไปสู่แนวคิดสนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชาติพันธุ์ไหนด้อยกว่าต้องโดนกำจัด บังคับทำหมันโดยไม่เต็มใจ แล้วยังมองคนเอเชียว่าเป็น ‘ภัยสีเหลือง (yellow peril)’ ซึ่งเป็นคำใช้ดูถูกคนเอเชียน บอกว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเราต้องถูกปกครองโดยพวกตะวันออกแน่ๆ 😬
(tw: death , ภาพน่ากลัว) ติดไว้จากครั้งก่อน เรื่อง post-mortem photography หรือประเพณีถ่ายภาพกับคนตายในยุควิคตอเรียน เธรดนี้จะขยายเรื่องนี้ให้อ่านค่ะว่าทำไมคนถึงนิยมถ่ายภาพกับศพกัน แล้วต้องทำอะไรยังไงบ้าง ไม่ยาวมาก แต่น่าสนใจ
สมัยโน้นเพิ่งจะมีการถ่ายภาพเกิดขึ้นไม่นาน และค่าใช้จ่ายในการจะได้รูปถ่ายสักใบก็ไม่ใช่น้อยๆ ไม่ใช่ทุกครอบครัวจะมีกำลังมากพอ การถ่ายรูปจึงมีไว้สำหรับโอกาสสำคัญจริงๆ ซึ่งสำหรับหลายบ้านก็คือโอกาสที่คนที่รักจากไป ถือเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย (1)
ยุคแรกๆของ post-mortem photography จะเป็นการถ่ายคนเสียชีวิตในโลงศพค่ะ ส่วนมากจะถ่ายในบ้านนี่แหละ ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นความทรงจำแล้วก็ยังเอาไว้เตือนใจถึงประโยค memento mori หรือแปลได้ว่าความตายไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (2)
อย่างในภาพนี้ จะสังเกตว่าผู้หญิงตรงกลางจะภาพชัดกว่าคุณพ่อคุณแม่ที่ขนาบข้าง เพราะการเปิดรับแสงที่นานในกล้องสมัยก่อนทำให้ยิ่งขยับตัวภาพจะยิ่งเบลอ คนที่ยังมีชีวิตเลยจะภาพเบลอกว่าเพราะมีการยุกยิก ส่วนคนที่เสียไปแล้วภาพจะคมชัดเพราะนิ่งนั่นเอง (6)
ความเชื่อเกี่ยวกับหัวใจในช่วงยุคกลางคือ หัวใจเป็นที่บรรจุความทรงจำทุกอย่างของมนุษย์เอาไว้ เหมือนเป็นบันทึก สิ่งที่ทำในชีวิตถูกแกะสลักไว้ในนั้น และจะโดนอ่านทั้งหมดที่หน้าประตูสวรรค์ ว่าแต่รู้มั้ยทำไมรูปหัวใจถึงไม่มีอะไรเหมือนหัวใจของจริงเลย ละมันไปเกี่ยวกะความรักตอนไหน เดะมาเล่าๆๆ
อาชีพที่มีจริงในยุควิคตอเรียนคือ ‘ฟาร์มเด็ก (baby farming)’ แบบสาวๆที่มีลูกนอกสมรส มีลูกแล้วพ่อไม่รับผิดชอบ จะถูกตราหน้าโดยสังคม จึงต้องเอาเด็กไปฝากไว้กับฟาร์มเหล่านี้พร้อมมอบเงินให้เลี้ยงเด็กแทน เธรดนี้จะพูดถึงฆาตรกรต่อเนื่องในคราบเจ้าของฟาร์มเด็กที่เชื่อว่าฆ่าเด็กไปกว่า 400 คน
เล่าเรื่องของฟาร์มเด็กให้อ่านกันก่อน อย่างที่บอกว่ามันเป็นธุรกิจที่ผู้หญิงหลายคนทำกัน รับเด็กทารกมา รับเงินเลี้ยงดูจนกว่าเด็กจะโตแล้วค่อยคืนไปยังแม่บังเกิดเกล้า บางทีก็เป็นลูกชาวนาที่มาฝากเลี้ยงไว้ตอนไม่มีเงิน แล้วค่อยกลับมาเอาตอนสถานะการเงินมั่นคงขึ้นแล้ว (1)
ทีนี้ ฆาตรกรที่มาในคราบของฟาร์มเด็กมีหลายคน แต่คนที่เชื่อว่าฆ่าไปเยอะสุดและโหดเหี้ยมที่สุดคือ Amelia Dyer ค่ะ เธอเคยเป็นพยาบาลและหมอตำแยมาก่อน ทีนี้เธอก็ตัดสินใจมาทำธุรกิจนี้ โดยลงประกาศในหนังสือพิมพ์ แล้วก็มีคนมาฝากเด็กไว้กับเธอจริงๆ (2)
❗️เนื้อหาอาจโหดร้าย เกี่ยวกับการทรมาน❗️ เธอไม่ได้คิดจะดูแลเด็กอยู่แล้ว แค่อยากได้เงินเท่านั้น แรกๆเธอปล่อยให้เด็กหิวตาย ละเธอก็คิดว่าวิธีนี้มันช้าไป เพราะยิ่งเด็กตายไว เธอก็จะไปหาเด็กใหม่ไว เท่ากับได้เงินไวขึ้นและเพิ่มขึ้นด้วย (3)
❗️เนื้อหาอาจโหดร้าย เกี่ยวกับการทรมาน❗️ เพื่อให้ทุกอย่างไวขึ้น เธอจึงใช้น้ำเชื่อมผสมฝิ่น ซึ่งทำให้เด็กเงียบและตายไว จนตัวเธอเองก็พลอยติดฝิ่นไปด้วย แล้วเธอก็พบว่ามันยังไม่เร็วทันใจ จึงใช้วิธีรัดคอเด็กด้วยการพันเทปรอบคอให้เสียชีวิตคาที่ (4)
จริงๆก่อนหน้านี้เธอเคยถูกใช้แรงงาน 6 เดือนจากข้อหาละทิ้งเด็กและส่งผลให้เด็กตายมาแล้ว ซึ่งตอนนั้นเธอแค่รับเลี้ยง ไม่ได้ adopt หรือรับมาเป็นบุตร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุดค่ะ หลังจากใช้แรงงานจนครบกำหนดก็กลับมาทำฟาร์มเด็กต่อ (5)
มีหลายทฤษฎีว่าเธอถูกจับได้ยังไง แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับศพเด็กที่พบในแม่น้ำเทมส์ที่ถูกห่อด้วยเทป เมื่อตรวจดูก็พบชื่อกับที่อยู่บนกระดาษห่อ จนสืบไปสืบมาก็สาวไปถึงตัวอมีเลีย จนสุดท้ายก็ถูกจับและสารภาพ เธอชี้จุดในแม่น้ำ และตำรวจก็พบศพเด็กอีก 6 ศพตามที่เธอให้ข้อมูล (6)
พอไปค้นบ้านเธอ ตำรวจก็พบหลักฐานมากมาย เช่น มีกลิ่นเน่าของเศษเนื้อ ใบรับรองการฉีดวัคซีน และเสื้อผ้าเด็ก ซึ่งก็ชี้ว่าเธอทำฟาร์มเด็กจริงๆ มีทฤษฎีสมคบคิดว่าเธอคือแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ด้วยนะ เพราะทั้งคู่ทำการฆาตรกรรมช่วงเดียวกันในลอนดอน โดยเชื่อว่าเธอจงใจทำแท้งให้กับเหยื่อที่ตาย (7)
เรื่องของอมิเลียทำให้กฎหมายรับเลี้ยงลูกบุญธรรมที่เข้มงวดของอังกฤษได้เกิดขึ้น และทำให้อาชีพฟาร์มเด็กค่อยๆลดน้อยลง (เมื่อก่อนมันทำง่ายมากเพราะกฎหมายค่อนข้างอ่อน) บวกกับการมีสถานสงเคราะห์เด็กที่จริงจังเกิดขึ้นด้วย (8)
ไว้จะมาขยายเรื่องฟาร์มเด็ก และเรื่องของฆาตรกรต่อเนื่องในยุควิคตอเรียนให้อ่านกันอีกนะคะ! ขอบคุณที่แวะมาอ่านเสมอมาค่ะ ก่อนจากกันขายของตามเคย แวะมาถามคำถามเกี่ยวกับปวศ.ได้ในไอจี instagram.com/mimie.starr นะคะ (ดูย้อนหลังได้ในสตอรี่อรค.เล่าเรื่องเลย) เจอกันวันศุกร์ค่ะ! 🤍