บ่ายสอง: เป็นเวลาของการบอกแพลนและออกคำสั่ง ถ้าจะไปเดินเล่น ก็เป็นการเดินเท้าในสวนหรือนั่งรถม้ากับสาวๆ ถ้าไปล่าสัตว์ก็จะไปที่สวนสาธารณะพร้อมกับอาวุธ และถ้าล่าในป่าก็จะขี่ม้า 6 โมง/1 ทุ่ม: หลุยส์ที่ 14 มักจะปล่อยให้ลูกชายดูแลเรื่องงานเลี้ยง ความบันเทิงในวัง ส่วนตัวเองนั้น- (7)
11 โมง: เป็นเวลาของการประชุมสภาที่จะจัดขึ้นในห้องของพระองค์ แต่ละวันก็จะเป็นวันของแต่ละสภาสลับกันไป ซึ่งส่วนมากจะมีตัวแทนจากกระทรวงประมาณ 5-6 คน ที่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ ฟังคิงเป็นส่วนมาก บ่ายโมง: เป็นเวลามื้อกลางวันที่ปกติต้องรับคนเดียว แต่หลุยส์ 14 ชอบให้พวกขุนนางมาอยู่ด้วย (6)
เวลา 10 โมง คิงจะเดินผ่าน Hall of Mirrors ที่เป็นทางผ่าน โดยจะมีพวกขุนนางเดินตาม และผู้คนยืนขนาบสองข้างทาง บางทีก็จะได้พูดคุยหรือมอบจดหมายลับๆให้ ก่อนที่คิงจะไปทำพิธีแมซ (ของทางศาสนาคริสต์) ประมาณครึ่งชม. (5)
ซึ่งจริงๆจะแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ • The Grand Entrée began: คนที่ถือสิทธิ์ได้เข้าก่อน (ซึ่งสิทธิ์พวกนี้ซื้อได้ด้วย) จะได้เห็นคิงใส่วิกกับเสื้อขณะยังอยู่บนเตียง • Première Entrée: คนที่ถือสิทธิ์น้อยกว่า เข้ามาตอนใส่เสื้อผ้า (ว่ากันว่าหลุยส์ 14 ชอบแต่งตัวเอง แต่ต้องมีคนถือกระจกให้)
เพื่อมาดูคิงอาบน้ำ (หรือใช้คำว่าเอาน้ำล้างตัวดี?) หวีผม โกนขน โดยคนที่เข้ามาดูเป็นผู้ชายทั้งหมด และมีจำนวนประมาณ 100 คน! จากนั้นคนที่มีหน้าที่ดูแลห้องและเสื้อผ้าจะนำเสื้อผ้ามาให้ ช่วยแต่งตัว และคิงจะรับอาหารเช้าซึ่งคือซุปในห้องนอนนั้นเลย (4)
พิธีแรกคือ Levée หรือพิธีตื่นนอน จะเริ่มทุก 8.30 ของทุกวัน โดยคนที่จะพูดว่า ‘ฝ่าบาท ได้เวลาตื่นบรรทมแล้ว’ คือคนรับใช้ชายลำดับแรก จากนั้นจะเป็นแพทย์ประจำตัวและแพทย์ผ่าตัดมาตรวจดูสุขภาพ แล้วพิธีถึงจะเริ่ม โดยบรรดาคนที่มีบทบาทสำคัญและมิตรสหายจะเข้ามาในห้องนอนของคิง (3)
ที่สำคัญยังช่วยให้ตัวเองอยู่ในบัลลังก์อย่างปลอดภัย อย่างไรล่ะ? ลองนึกดูว่าการได้เป็นขุนนางที่ทำหน้าที่มอบกระจกให้เจ้า ผูกเชือกรองเท้าให้เจ้า มันเท่ไม่หยอกและบ่งบอกว่าใกล้ชิดกับคิงมากแค่ไหน บรรดาขุนนางก็จะเอาแต่แย่งชิงตำแหน่งในพิธีพวกนี้กัน จนไม่มีเวลาสนใจจะชิงบัลลังก์ (2)
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นผู้ริเริ่มเปลี่ยนให้อิริยาบถธรรมดาๆเช่นการตื่นการหลับให้กลายเป็นพิธีการ เพราะต้องการให้ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจตลอดเวลา และการมีกิจวัตรเหมือนเดิมทุกวันแบบเปิดเผยจะทำให้ทุกคนรู้ว่าตัวเองอยู่ ณ จุดไหนในแต่ละช่วงเวลาของวัน (1)
เคยเล่ากฎแปลกๆในวังแวร์ซายไปเมื่อนานมาแล้ว เธรดนี้จะพูดถึง ‘พิธีการ’ ในวังนี้กัน ซึ่งพิธีการที่ว่าไม่ใช่อะไรยิ่งใหญ่ แต่มันอยู่ในกิจวัตรประจำวันของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และครอบครัว! ตั้งแต่ตื่นยังหลับจะมีพิธี มีคนจับตา โดยมีเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ มาทำความรู้จักแวร์ซายให้มากขึ้นกันค่ะ
เป็นภาพที่ชวนให้คิดว่าผู้หญิงคนนี้ร้องไห้ทำไม ชื่อภาพว่า After the Ball เลยคิดว่าคงเป็นเหตุการณ์หลังงานเลี้ยงตอนเย็น ดีเทลที่มีกระดาษอยู่บนโต๊ะบวกกับเพื่อนสาวที่มองมันอยู่อาจจะสื่อถึงการที่เธอโดนปฏิเสธทางจดหมายหรือเปล่านะ หรืออาจจะเกิดอะไรขึ้นที่งานเลี้ยง
โอ้ย เทรลเลอร์ Bridgerton ซีซั่นสอง ㅜㅡㅜ ชั้นรักความเว่อวังของยุครีเจนซี แฟชั่นเอย จริตจก้านเอย เอาจริงคิดว่าสนุกแน่ แต่ถึงจะไม่สนุกขนาดนั้นแต่แค่ได้นั่งดูงานเต้นรำสวยๆ ดูบ้านเรือนดูวัง ดูค่านิยมในยุคนั้น (ที่บางอย่างก็ไม่ดีนะ555) ก็ฟินแล้วอะ ชอบ
มาแนะนำวิธีเห็นเนื้อคู่ในอนาคตของตัวเองด้วยการใช้กระจกกับแอปเปิ้ลค่ะ ใครใคร่ลองทำลองดูแล้วมารีวิวด้วยนะ แต่วิธีการน่าเอาไปทำเป็นหนังสยองขวัญมาก ชั้นกลัว555555555
ในช่วง 1970s มีกฎหมายในหลายประเทศจำกัดการใช้มือซ้ายของประชาชน และโรงเรียนจะต้องสอนการเขียนด้วยมือขวาเท่านั้น ซึ่งในประเทศอัลบาเนียจะหนักสุด เพราะการใช้มือซ้ายถือว่าผิดกฎหมายเลย (9)
ในช่วงของการล่าแม่มดแห่งซาเล็ม ผู้หญิงที่ถนัดซ้ายจะถูกตีตราว่าเป็นแม่มดทันที มีผู้หญิงอย่างน้อย 1 คนที่ถูกเผาส่วนนึงมาจากการที่เธอถนัดซ้าย ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นสมัยก่อน แค่ผู้หญิงถนัดซ้ายก็จะถูกเกลียดได้ หรือแม้แต่ถูกหย่าก็มี (8)
ในวัฒนธรรมแอฟริกาบางที่ก็ไม่โอเคกับการใช้มือซ้าย อย่างชาวซูลูสมัยก่อนเคยมีการลงโทษเด็กที่ถนัดซ้ายด้วยการเอามือซ้ายไปจุ่มน้ำเดือดร้อนจัดทำให้ใช้การไม่ได้ ในบางวัฒนธรรมของแอฟริกาห้ามผู้หญิงทำอาหารด้วยมือซ้าย ไม่งั้นจะถูกหาว่าเป็นแม่มด หรือถูกหาว่าพยายามจะวางยาใส่อาหาร (7)
ในช่วงการมีอยู่ของศาลศาสนาสเปน (Spanish Inquisition) ที่กระทำการล่าแม่มด หนึ่งในคุณสมบัติของแม่มดคือถนัดซ้าย เพราะถือว่าเป็นคนไม่ปฏิบัติตามหลักคาธอลิค จะถูกลงโทษ และมีถึงขั้นคร่าชีวิต (6)
คัมภีร์ไบเบิ้ลมีการยึดโยงคุณธรรมจริยธรรมเข้ากับด้านซ้ายและขวา เช่น พระเยซูจะนั่งอยู่ที่มือขวาของพระเจ้า ในขณะที่ทูตสวรรค์กาเบรียลจะนั่งทางซ้าย ใน Book of Matthew มีจุดที่พระเยซูที่ถูกอุปมาเป็นคนเลี้ยงแกะ กล่าวไว้ว่าคนที่อยู่ด้านขวาของตนเท่านั้นจะได้ไปสวรรค์ (5)
และมือซ้ายก็ถูกยึดโยงกับผู้หญิงและความด้อยกว่าด้วยนะ อันนี้แบบ เอ่อ มือซ้ายถูกโยงกับผู้หญิงเพราะถือว่าเป็นมือที่อ่อนแอ ความยอมทุกอย่าง ในขณะที่มือขวาที่คนใช้มากกว่าและเป็นมือหลักก็เลยถูกโยงกับความเป็นชายที่สื่อถึงพลัง (4)
ในวัฒนธรรมอินคา การถนัดซ้ายจะเกี่ยวข้องกับความดี เพราะชื่อของหัวหน้าชาวอินคาคือ Lloque Yupanqui ซึ่งแปลว่าการถนัดซ้าย สำหรับชาวมายันก็มองการถนัดซ้ายในแง่ดีเช่นกัน โดยคำว่าซ้ายภาษาเขาคือ dziic มาจากคำว่า dziicil ที่แปลว่าทหาร/กล้าหาญ (3)
ในโรมโบราณยุคแรกๆ จะมีการทำนายที่เชื่อว่าจะได้รับสารจากพระเจ้าโดยดูจากการขยับตัวของนก ผู้ทำนายจะโฟกัสไปที่ทิศทางการบิน ซึ่งในวัฒนธรรมกรีกจะเชื่อว่าสารของพระเจ้าเป็นไปในแง่บวกถ้านกบินจากขวา แต่สำหรับชาวโรมจะเชื่อว่าดีก็ต่อเมื่อบินมาจากทางซ้าย (2)
ย้อนกลับไปสมัยโบราณ จริงๆแล้วการถนัดซ้ายไม่ใช่เรื่องแย่ค่ะ อย่างชาวเซลต์โบราณเชื่อว่าถนัดซ้ายนั้นดี เพราะมันส่งผลดีในการต่อสู้ในโลกที่คนส่วนมากถนัดขวา อย่างครอบครัว Kerr แห่งสก็อตแลนด์ที่สอนลูกหลานให้ใช้มือซ้ายเป็นหลัก และสร้างปราสาทสำหรับคนถนัดซ้ายโดยเฉพาะ (1)
ใครถนัดซ้ายบ้างยกมือขึ้น! วันนี้อยากเล่าถึงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ “มือซ้าย” ให้ได้อ่านกันค่ะ รู้กันหรือเปล่าว่าในอดีตมือซ้ายถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจ และในการล่าแม่มด หนึ่งในคุณลักษณะของแม่มดคือถนัดซ้าย รวมทั้งยังเคยมีกฎหมายห้ามใช้มือซ้ายอยู่บนโลกด้วย
การศึกษาไทยทำให้วิชาประวัติศาสตร์กลายเป็นวิชาอะไรก็ไม่รู้ ทั้งที่จริงๆแล้วมีเรื่องราวน่าสนใจอีกมากรอให้นักเรียนได้เรียนรู้ มันไม่ได้มีแค่เรื่องของไทยด้วย มันมีอีกทั้งโลกเลย แล้วมันก็สนุกมากๆ นี่แหละถึงทำให้ชอบเล่าเรื่องปวศ. อยากให้ทุกคนเห็นว่ามันมีอะไรให้รู้อีกเยอะจริงๆนะ
tintinnabulum ในยุคโรมัน เป็นรูปจู๋ที่มีจู๋อีกทีห้อยด้วยกระดิ่งหรือระฆัง ทำหน้าที่เป็นกระดิ่งลม เชื่อว่ามันช่วยไล่ปีศาจและนำความโชคดีและความร่ำรวยมากให้ twitter.com/DrNWillburger/…
อันนี้น่ารักกกก คุณคนขวาคือราชินีที่แอบหลับระหว่างมื้ออาหารพบปะกับผู้คน ส่วนคุณคนซ้ายคืออัศวินคนสนิทที่แอบเห็นเธอหลับพอดี 🥺 คุณราชินีคือเหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูนหรือหนังยุคกลางเลย