นอกจากนี่ยังมีการที่เจ้าของมัมมี่ใส่ของขวัญเล็กๆน้อยๆลงไปในศพก่อนด้วย เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นให้กับแขกที่มาดู และทำการแจกของนั้นให้กับคนดู อาจเป็นน้ำหอม เครื่องราง เครื่องเพชรพลอยเล็กๆน้อยๆ หรืออัญมณี เป็นกิมมิคอีกอย่างที่ทำให้คนมาดูตื่นเต้น (3)
ด้วยความที่เป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม และมีระบบคมนาคมอย่างเช่นรถไฟขนส่ง ทำให้วัตถุดิบในการทำอาหารส่งถึงกันมากขึ้น รวมไปถึงวัตถุดิบจากต่างประเทศ แต่ก็ราคาแพงมาก ทำให้อาหารถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่คนชนชั้นสูงใช้สำหรับโชว์ความร่ำรวยของตัวเองค่ะ อารมณ์ยิ่งวัตถุดิบแปลกคือยิ่งรวย (1)
: ถ้ำมหัศจรรย์ในอาละดินเป็นคำขอสุดท้ายของผู้ถือครองตะเกียงคนล่าสุด เจ้าของตะเกียงก่อนอาละดินอาจขอพร 3 ข้อไว้ดังนี้ 1) ขอให้ตัวเองมีเงินรวยล้นฟ้าชนิดที่ใช้ในชาตินี้ไม่หมด (ทำให้ในถ้ำมีสมบัติเยอะมาก) 2) ขอให้ตัวเองสามารถเดินทางไปไหนก็ได้ (จึงมีพรมวิเศษ) (4)
คนที่ทำให้กิจกรรมนี้ป๊อปปูล่าร์คือคนนี้ค่ะ Thomas Pettigrew คือเขาเรียนด้านอียิปต์มาโดยเฉพาะ ถึงจะไม่ใช่คนแรก แต่เป็นคนที่ทำให้มันกลายเป็นโชว์ ด้วยการผสมของสองอย่างที่คนยุควิคตอเรียนคลั่งไคล้ คืออียิปต์ วิทยาศาสตร์ และเรื่องน่ากลัว (6)
ไม่ว่าคุณจะเทแบบไหน แต่ย้อนกลับไปในยุคก่อน เพราะเป็นถ้วยชามเครื่องเคลือบชั้นดี นมอุณหภูมิปกติหรือนมเย็นๆจะต้องถูกเทลงไปในถ้วยก่อนค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้แก้วแตก แล้วจึงเติมชาหรือกาแฟลงไป (8)
ยุคนั้นการขายบริการถูกกฎหมายค่ะ ซึ่งผู้ชายมีอำนาจทั้งหลายก็มักแวะใช้บริการ และสถานที่ขายบริการก็มีแบบแฟนซี ว่ากันว่ามีบริการที่สุดโต่งถึงขั้นที่ว่าพี่น้องของหญิงที่ขายบริการถึงกับต้องหลีกหนีไม่คุยด้วยเลยทีเดียว (5)
วิธีการปลุกคาโรลินาเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในปี 1892 ที่เธออายุ 30 ปี เธอถูกพาตัวไปโรงพยาบาลในเมืองใหญ่ ที่ซึ่งใช้การกระตุกไฟฟ้าในการปลุก แต่ก็ไม่เป็นผล จนทุกคนต่างถอดใจ และในปีที่เธอหลับมาแล้วครบ 28 ปี แม่ของเธอก็เสียชีวิต มีคนอ้างว่าเธอได้ลุกขึ้นมาร้องไห้ในขณะที่ยังคงหลับ (8)
มีหลายภาพที่เบบี้จีซัสแข็งแกร่งถึงขั้นมีซิกแพ็คด้วย ทฤษฎีนึงเชื่อว่าศิลปินจงใจวาดแบบนั้นเพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่เด็กๆยุคกลางที่ได้มาเห็นภาพวาด แบบว่าให้หุ่นดีมีกล้ามอะไรแบบนี้ (6)
เพิ่งรู้ว่าญี่ปุ่นสมัยก่อน (ช่วงเซ็นโกคุ) ถ้ารบกันแล้วฝ่ายไหนชนะจะมีประเพณีนึงที่คนชนะจะนั่งดูหัวที่โดนตัดของคนแพ้ แล้วหัวนั้นก็จะถูกแต่งหน้าทำผมให้เหมือนตอนยังมีชีวิต อย่างนึงก็เหมือนเป็นการเย้ยผู้แพ้ แต่เวลาดูก็จะดูอย่างเคารพ แล้วหัวคือถูกต่อคิวเอามาโชว์เรื่อยๆทั้งคืน
ซึ่งมันก็กลายเป็นกิจวัตรของดัชเชส และเธอก็เริ่มชวนเพื่อนๆให้มาร่วมรับประทานด้วยกัน จนมันเลยกลายเป็นอีเว้นท์ทางสังคมอย่างนึงเลย สาวๆชนชั้นสูงจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดสำหรับจิบน้ำชาโดยเฉพาะ ใส่ถุงมือและหมวก ซึ่งสาวๆหลายคนเลิฟมาก บางคนแวะดื่มชาที่โน่นที่นี่ถึง 9 ที่ในบ่ายเดียว! (5)
คนที่จะเป็นคนเสนอชื่อของสาวๆให้เข้าร่วมงานคือผู้หญิงที่เคยผ่านการเปิดตัวมาแล้ว อาจเป็นแม่ ยาย แม่เลี้ยง หรือคนรู้จักของครอบครัว ยิ่งยศสูงยิ่งดี และในยุครีเจนซี ผู้ที่จะเลือกว่าสาวคนไหนมีสิทธิ์เปิดตัวต่อหน้าควีนคือ Lord Chamberlain (4)
หนุ่มๆจึงมักจะแต่งกับสาวๆที่ไม่ได้เปิดตัวในวัง แต่อาจวางตัวได้ดีกว่า ซึ่งสาวๆเหล่านั้นจะเปิดตัวในงานเลี้ยง หรืองานเต้นรำ และพึ่งให้ครอบครัวหรือเพื่อนเป็นคนช่วยหาคอนเนคชั่น สำหรับสาวๆที่มาจากตจว. ก็จะหาคนพาตัวเองมาเปิดตัวที่ลอนดอน ซึ่งสาวๆชั้นสูงก็มักเหม็นสาวๆพวกนี้ (8)
พระนางยังใช้สีชมพูในการปัดแก้มด้วย เพราะมันสื่อว่าเป็นหญิงอ่อนหวาน น่าปกป้อง และบริสุทธิ์ผุดผ่อง ซึ่งตรงข้ามกับหญิงสาวแก้มไร้สีที่เป็นคนหยาบกระด้าง หยาบกร้าน ไม่บริสุทธิ์เสียจนแก้มไม่มีสี (4)
บ้างบอกว่าเธออยู่ในสภาวะช็อคจากอะไรบางอย่าง และบ้างก็ว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำ เพราะมีบางอย่างที่น่าสงสัย เช่น ตลอดการหลับใหล ผมและเล็บของคาโรลินาไม่ยาวขึ้นเลย (7)
พูดถึงอาหารที่เสิร์ฟกันบ้าง แน่นอนที่ขาดไม่ได้เลยคือสโคนกับคล็อตเตท ครีมค่ะ แล้วก็จะมีพวกเค้ก แซนด์วิชไส้ต่างๆ ที่ตัวขนมปังจะออกสปอนช์ๆหน่อย (ยืนหนึ่งเลยคือไส้แตงกวา มีแทบทุกงาน) คุ้กกี้ ไอศกรีม (9)
เมื่อสัตว์ทะเลถ่ายในทะเล น้องๆก็จะถ่ายกันตรงนั้นเดี๋ยวนั้น และเชื้อจุลินทรีย์รวมถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กชนิดที่ตาเปล่ามองไม่เห็น (microorganisms) จะกินมันเข้าไปแทบจะในทันที ด้วยเหตุนี้เอง ห้องน้ำใต้ทะเลจึงไม่มีความจำเป็นค่ะ! (2)
ที่โรงอาบน้ำ Titus ในโรมถึงกับมีข้อความเขียนไว้เลยว่า ‘ถ้าใครอึหรือฉี่ที่นี่ เทพเจ้าทั้งสิบสองรวมไปถึงซุสผู้ยิ่งใหญ่จะพิโรธ’ 55555555 เคลมถึงเทพกันเลยทีเดียว ห้ามอึนะไม่งั้นเทพโกรธ (2)
• จากเรื่องราวของ The Little Mermaid ที่ว่าไปก่อนหน้า มีเรื่องเล่าในหมู่ชาวเงือกด้วยกันเองว่า ศพของนักเดินเรือที่เสียชีวิตจากการจมน้ำจะกลายมาเป็นเงือก เรียกง่ายๆว่าเป็นซอมบี้เงือกนั่นเองค่ะ แต่ซอมบี้เงือกพวกนี้จะจำชีวิตก่อนหน้าที่เคยเป็นมนุษย์ไม่ได้เลย (13)
ชื่อเต็มๆของคุณนิคคือ Nick Piberius Wilde ซึ่งชื่อ Piberius แปลงมาจากชื่อของกัปตัน James Tiberius Kirk ตัวเอกจากเรื่อง Star Trek ล่ะ อย่างเท่ twitter.com/BBsBaby_27/sta…
คำว่า ‘ความเหมาะสม’ ระหว่างชายหญิงก็จะถูกจำกัดความโดยครอบครัว ฐานะ ความเกื้อหนุนต่างๆ แม้ว่าการดองกันทางญาติจากการแต่งงานจะต้องห้าม (เช่นว่า แม่หม้ายห้ามแต่งกับพี่น้องของสามีที่เสียไป) แต่รู้กันหรือเปล่าคะว่า ‘ญาติ’ สามารถแต่งงานกันได้! ด้วยมีเหตุผลอยู่ว่า (2)
แม้ไม่มีหลักฐานว่าดอดจ์สันมีอะไรเกินเลยกับเด็กสาวเหล่านั้น แต่ผลงานหลายๆอย่างของเขาก็มีความน่าสงสัย เช่น ภาพถ่ายและภาพวาดของเขาส่วนมากจะเป็นเด็กสาวอายุ 10-15 ปี ไม่สวมใส่อะไรเลยหรือใส่เสื้อน้อยชิ้น รวมถึงเขาเคยเขียนไว้ว่า ‘เด็กสาววัยประมาณ 12 ปีคือความสวยแบบในสเป็ค’ (5)
หมอแวะมาเยี่ยมบ้างเรื่อยๆ มีการรายงานว่าบางทีคาโรลินาก็ลุกนั่งและพึมพำอะไรบางอย่างคล้ายบทสวด จนถึงขั้นมีคนบอกว่าเธอเดินละเมอ หมอที่ไม่สามารถรักษาเธอได้ก็เลยเขียนข่าวกระจายไปทั่วสวีเดนเผื่อจะมีหมอดีๆที่สามารถรักษาและเข้าใจอาการนี้ได้ (5)
เจออีกอันและ ให้เข้าแค่สมาชิกหมู่บ้านเท่านั้น แล้วเป็นบริเวณท่าเรือของหมู่บ้านริมทะเล555555
เด็กสาวยุคกลางแต่งงานได้ตั่งแต่อายุ 12 ปี โดยคนหาคู่ให้ก็พ่อแม่นั่นแหละ หาเองไม่ได้ แถมในยุคนั้นยังมีกฎหมายรองรับว่าสามีสามารถทำร้ายร่างกายภรรยาได้ (แบบไม่เกินพอดี) ซึ่งมันคือหนึ่งในความเชื่อยุคนั้นว่าสามีต้องทรีทภรรยาเหมือนลูกศิษย์ และสอนมารยาทให้ (10)
แต่คนที่ ‘ผม’ เยอะที่สุดในจักรวาลดิสนีย์คือพี่เอลซ่าค่ะ คุณเขามีผมถึง 400,000 เส้น!! เรนเดอร์ตาแตกเลยทีนี้ เพื่อที่จะได้ให้อนิเมชั่นออกมาสมจริงที่สุด