อย่างที่บอกว่าการไว้ทุกข์กับผู้หญิงในยุคนั้นเป็นของคู่กันมากๆ เหมือนเป็นตัวแทนของความเศร้าอะ ถ้าสามีเสียก็คือต้องถูกคาดหวังจากสังคมเลย อย่างน้อยสองปีที่ต้องไว้ทุกข์ แยกตัวจากสังคม เศร้าตลอดเวลา
เมื่อเพื่อนอยากรู้ว่าท่าอุ้มแตงภาษาอังกฤษคืออะไร แล้วดูนังกูเกิ้ลมันแปลให้ เออขอบใจนะ เพื่อนสบายใจละคืนนี้
แผนที่โชว์พื้นที่ทั้งหมดที่สามารถดูผ่าน Google Street ได้
อีกเทรนนึงที่สำคัญคือเทรนขี้แมลงวันค่ะ น่าจะเคยเห็นในหนัง/ซีรีส์กันมาบ้าง มันมาจากนักเขียนบางคนที่อธิบายถึงความงามของเทพีวีนัสที่มีไฝอยู่บนหน้า แต่สาวๆยุคนั้นใช้จุดนี้ในการปกปิดร่องรอยของซิฟิลิสหรือไข้ทรพิษ ละถ้าจุดไฝมากไปก็จะดูเว่อ น้อยไปก็จะดูเชย ต้องกะให้พอดีๆ (4)
พวกแป้งอะไรงี้คนก็ใช้น้อยลง รูจก็เริ่มถูกแทนด้วยขนสัตว์จากสเปนที่นำไปย้อมแล้วตัดแบ่ง แล้วค่อยเอามาทาปากกับแก้ม ช่วงปฏิวัติ ถ้าใครดูรวยดูแพง มีสิทธิ์โดนจับไปตัดหัวหมด การแต่งหน้าน้อยๆก็เลยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้ปลอดภัย (6)
1) ผู้หญิงโง่ ถูกหลอกได้ง่าย เป็นเหตุผลให้พวกเธอหันเข้าหาเวทมนตร์ 2) ผู้หญิงไม่รู้จักพอในเรื่องของกามารมณ์ (ทั้งที่ผู้ชายนั่นแหละที่มักจะมีเมียหลายคน 🥶) เลยต้องหันไปพึ่งปีศาจเพื่อเติมเต็มความต้องการ 3) ผู้หญิงพูดมาก 4) ผู้หญิงอ่อนแอ เวลาแก้แค้นเลยต้องไปพึ่งเวทมนตร์ (8)
* ชวเลข (shorthand): การเขียนข้อความอย่างย่อโดยใช้สัญลักษณ์/คำย่อเพื่อแทนคำพูด เป็นการเขียนข้อความตามเสียงให้ทันคำพูดของผู้พูดโดยวิธีการลากปลายปากกาด้วยเส้นโค้งหรือขีด ตามเสียง การขายบริการเป็นอาชีพเดียวที่ผู้หญิงได้เงินเยอะ จ่ายเป็นเงินสด และชั่วโมงทำงานก็น้อย (4)
นี่คือภาพของ Mother Louse เอลไวฟ์ยุคศ.ที่ 17 ค่ะ แต่สำหรับหลายคนเธอคงดูเหมือนแม่มดใช่มั้ย นั่นเพราะลักษณะใส่หมวกแหลม มีหม้อใหญ่สีดำ และแมวดำ ที่มักจะเชื่อมโยงกับแม่มดนั้นพบเห็นได้ทั่วไปกับหญิงขายเบียร์ จึงเป็นไปได้ที่ภาพจำแม่มดของพวกเราจะมาจากพวกเธอ (6)
ชอบภาพนี้จัง ฝีมือจิตรกรชาวญีปุ่นวาดช่างถ่ายภาพชาวฝรั่งเศสกับภรรยาของเขา twitter.com/wikivictorian/…
• เรื่องของปธน. Teddy Roosevelt แห่งอเมริกา ที่ลงเลือกตั้งปธน.สมัยที่สาม ตอนนั้นเขาก็ได้เตรียมกระดาษโน้ตสปีช (คำด่า) หนากว่า 50 หน้ามาด้วย ซึ่งก่อนที่จะเดินทางไปถึงบริเวณกล่าวสปีช อะไรดลใจไม่รู้ให้เขาตัดสินใจพับทั้งหมดใส่ในกระเป๋าเสื้อ และนั่นคือจุดเปลี่ยนของชีวิตของเขา (3)
พิธีแรกคือ Levée หรือพิธีตื่นนอน จะเริ่มทุก 8.30 ของทุกวัน โดยคนที่จะพูดว่า ‘ฝ่าบาท ได้เวลาตื่นบรรทมแล้ว’ คือคนรับใช้ชายลำดับแรก จากนั้นจะเป็นแพทย์ประจำตัวและแพทย์ผ่าตัดมาตรวจดูสุขภาพ แล้วพิธีถึงจะเริ่ม โดยบรรดาคนที่มีบทบาทสำคัญและมิตรสหายจะเข้ามาในห้องนอนของคิง (3)
ในเมือง Herculaneum ที่เป็นเมืองพี่เมืองน้องกับปอมเปอี อยู่ใกล้ภูเขาไฟเหมือนกัน ก็ประสบปัญหาเดียวกันค่ะ ประชากรหลายๆคนคิดหนีไปทางเรือ ผ่านทางอ่าวเนเปิลส์ แต่เพราะท้องฟ้ามืดสนิทและตามชายฝั่งเต็มไปด้วยหินภูเขาไฟ ทำให้เรือออกหรือเข้าไม่ได้ สุดทัายก็หนีกันไม่ทันอยู่ดี (9)
และแวมไพร์ก็ไม่สามารถเข้าใกล้สถานที่ทางศาสนาได้ รวมไปถึงเข้าใกล้น้ำจากแหล่งบริสุทธิ์ด้วย (เพราะเชื่อว่าน้ำคือสิ่งศักดิ์สิทธ์ และสายน้ำยังเป็นตัวแบ่งอาณาเขตของแวมไพร์อีกด้วย) วิธีกำจัดแวมไพร์เพียงหนึ่งเดียวคือการแทงทะลุที่หัวใจ (4)
: ที่ทิงเกอร์เบลขี้หวง เพราะนางฟ้าคนอื่นในจักรวาลปีเตอร์แพนตายหมดแล้ว นิสัยของทิงก์ในปีเตอร์แพนกับหนังของตัวเองค่อนข้างต่างกัน และที่เธอกลายเป็นคนหวงเพื่อนนั้นอาจเพราะมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ชาวแฟรี่สูญสิ้น เหลือแต่เธอคนเดียว เธอจึงหวงปีเตอร์ที่เป็นเพื่อนคนสุดท้ายของเธอเอง (10)
แล้วตรงทางเข้ากับห้องน้ำคือถ่ายรูปสวยมากกกกก ไม่เชื่อดูรูปนี่ได้ (ดูเพิ่มได้ที่ instagram.com/mimie.starr) แบบเห้ย สวยจริง ถ่ายหน้าห้องน้ำยังสวย5555555 ประทับใจ ข้อเสียคือค่าเข้าแพงหน่อยกับด้วยความต้องใส่แมสอากาศมันเลยไม่ค่อยถ่ายเท
จะมีตอนนึงที่ทุกคนในป่าร้อยเอเคอร์ทานมื้อเที่ยงด้วยกันหรือซัมติง แล้วพิกเล็ทกินแฮม ซึ่งแฮมทำมาจากหมู ละน้องก็เป็นหมูอะ55555 นี่เลยแบบเห้ย เทอกินเพื่อนตัวเองเหรอพิกเล็ท!! แต่วินาทีต่อมาก็นึกได้ว่าน้องเป็นตุ๊กตา เออแล้วไป ไม่งั้นเกือบได้เป็นซีนสยองแล้ว 🤣 twitter.com/jaowjan_tawan/…
กลุ่มลูกค้าของจูเลียคือบรรดาภรรยาที่ไม่มีความสุขทั้งหลาย เพราะในยุคนั้นส่วนมากสาวๆจะถูกคลุมถุงชน พวกเธอปฏิเสธไม่ได้ แถมหลังจากแต่งงาน ฝ่ายชายก็มีอำนาจควบคุมชีวิตของพวกเธออีก หลายคนที่ถูกใช้ความรุนแรงด้วย ทำให้หญิงหลายคนสบายใจที่จะเป็นโสดมากกว่าด้วยซ้ำ และนั่นคืองานของจูเลีย (5)
การแต่งตัวแบบ Y2K ในความหมายปัจจุบันเช่น กระเป๋าแฮนแบค มินิสเกิร์ต กางเกงเอวต่ำ กระโปรงสั้น หรือสีชมพู แบบในเรื่อง Mean Girls ซึ่งคำว่า Y2K ก็กลายมาเป็นประโยคติดปากของหลายๆคน แต่ถึงความหมายของแฟชั่น Y2K แบบเมื่อก่อนกับในปัจจุบันจะต่างกัน หัวใจหลักร่วมกันของทั้งสองก็ยังอยู่ (6)
การสูบบุหรี่บนเครื่องบินสามารถทำได้ ทั้งไปป์และซิการ์ก็ได้หมด กลายเป็นว่าในสนามบินต่างหากที่ห้ามสูบบุหรี่เพราะกลัวว่าควันจากบุหรี่จะจุดชนวนไฟให้กับน้ำมันเครื่อง (11)
จริงๆก่อนหน้านี้เธอเคยถูกใช้แรงงาน 6 เดือนจากข้อหาละทิ้งเด็กและส่งผลให้เด็กตายมาแล้ว ซึ่งตอนนั้นเธอแค่รับเลี้ยง ไม่ได้ adopt หรือรับมาเป็นบุตร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุดค่ะ หลังจากใช้แรงงานจนครบกำหนดก็กลับมาทำฟาร์มเด็กต่อ (5)
ชนชั้นทางสังคมในยุครีเจนซีเป็นสิ่งสำคัญมาก และมันกำหนดการเรียกชื่อค่ะ จะเรียกชื่อจริงของอีกฝ่ายได้ก็ต่อเมื่อเป็นสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนสนิทเท่านั้น เพราะงั้นถึงจะจีบกันอยู่ ก็เรียกนามสกุลและยศได้เท่านั้น (เช่นมิสเตอร์ดาร์ซี, ลอร์ดบริดเจอร์ตัน ฯลฯ) แต่งก่อนถึงจะเรียกชื่อได้นะ (5)
คนยุคนี้ชอบโชว์ความรวยของตัวเอง ทางที่จะโชว์ได้คือการใส่ชุดเว่อๆให้ได้มากที่สุดและมีคนใช้ให้เยอะที่สุด ยิ่งคนใช้มีงานเฉพาะแต่ละคนมากเท่าไหร่ยิ่งดี ทำให้คนรวยยุคนั้นเปลี่ยนชุดบ่อยมาก วันนึงอย่างน้อย 4-5 ชุด ผ้าปูก็ต้องเปลี่ยน 2 ครั้งต่อวัน ในขณะที่คนจนไม่มีแม้แต่เครื่องซักผ้า (6)
วัฒนธรรมโบราณหลากหลายที่บูชาเทพีแห่งเบียร์ค่ะ เช่นเทพี Tenenit ที่อียิปต์ เทพี Raugutiene ในตำนานสลาวิก ส่วนในตำนานของชาวฟินนิช เชื่อว่าเบียร์ถูกคิดค้นขึ้นโดยหญิงที่ชื่อ Kalevatar โดยเธอผสมน้ำผึ้งกับน้ำลายของหมีเข้าด้วยกัน (9)
ถ้าเป็นผู้ชายในยุคกลางแล้วมีชู้ คุณจะต้องจ่ายค่าปรับ… แล้วก็จบค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะ? พวกเธอจะโดนตัดจมูก ตัดหูทั้งสองข้างค่ะ เพื่อให้พวกเธอไม่สวย (!!!) (9)
ก่อนแต่ง เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวจะแยกจากกันอย่างสิ้นเชิง เพื่อที่จะได้ชำระล้างตัวตนเก่าๆก่อนแต่งงาน เตรียมเข้าสู่ชีวิตใหม่ ซึ่งสำหรับสาวๆคือการใส่เสื้อผ้าใหม่ และห้ามใส่ Kransen (แบบในรูป) เพราะมันคือสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ โดยจะถูกเก็บไว้และยกให้ลูกสาวของเธอในอนาคต (4)