มาเล่นเป็นเพื่อนหน่อย ไม่ต้องฟอลก็ได้ค่ะแต่มาเป็นหน้าม้า แอเรียลควีนกำลังทดลองทำคอนเท้นใหม่ในสตอรี่ไอจี5555555 Instragram.com/mimie.starr
มองขึ้นไปจากด้านล่างก็จะเห็นฟ้าใสๆของโลกมนุษย์ด้านบน เหมือนในหนังเป๊ะเลย ตรงนี้เราขนลุกมาก 🥺🤍 ทำให้ได้ฟีลเหมือนยัยแอเรียลที่อยากขึ้นไปเป็นส่วนนึงของโลกมนุษย์เลย
before after (เป็นแอเรียลแล้วจริงๆนะ)
บ้านไหนรวยก็จะได้กิน 2 คอร์สทุกวันค่ะ เมื่อคอร์สที่ 2 เสร็จก็ตามด้วยของหวานที่มักเป็นอะไรที่กินด้วยมือได้เช่น ผลไม้แห้ง ถั่ว ลูกกวาดหวานๆ และมักเสิร์ฟคู่กับไวน์ สาวใช้จะไม่ยกอาหารเสิร์ฟให้แต่ละคนเหมือนปัจจุบันเพราะงั้นบางทีก็จะมีอาหารที่เหมือนกันสองจานวางอยู่สองฝั่งของโต๊ะ (11)
ปล. Buddy Holly ถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มเพลงร็อคแอนโรลล์ และมีอิทธิพลให้กับวงดนตรีที่มีชื่อเสียงมากๆอย่าง The Beatles, Bob Dylan, The Beach Boys และ The Rolling Stones
คนที่จะเป็นคนเสนอชื่อของสาวๆให้เข้าร่วมงานคือผู้หญิงที่เคยผ่านการเปิดตัวมาแล้ว อาจเป็นแม่ ยาย แม่เลี้ยง หรือคนรู้จักของครอบครัว ยิ่งยศสูงยิ่งดี และในยุครีเจนซี ผู้ที่จะเลือกว่าสาวคนไหนมีสิทธิ์เปิดตัวต่อหน้าควีนคือ Lord Chamberlain (4)
หญิงขายบริการถูกแบ่งออกเป็น 3 คลาส 1) ชั้นที่ต่ำที่สุด: สาวๆจะต้องพึ่งพิงซ่อง (brothel) และจะไม่สามารถเลือกลูกค้าได้ ลูกค้าจะมาจากมาดามประจำซ่องที่จะเลือกให้ คุณภาพชีวิตค่อนข้างต่ำ สกปรก แต่ซ่องก็จะดูแลเรื่องสุขภาพและโรคติดต่อให้ เพราะมันอันตรายต่อสาวๆ รวมถึงเสียชื่อซ่องด้วย (5)
สมัยโน้นเพิ่งจะมีการถ่ายภาพเกิดขึ้นไม่นาน และค่าใช้จ่ายในการจะได้รูปถ่ายสักใบก็ไม่ใช่น้อยๆ ไม่ใช่ทุกครอบครัวจะมีกำลังมากพอ การถ่ายรูปจึงมีไว้สำหรับโอกาสสำคัญจริงๆ ซึ่งสำหรับหลายบ้านก็คือโอกาสที่คนที่รักจากไป ถือเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย (1)
ครอบครัวเริ่มชินและเรียนรู้ที่จะอยู่กับผีใจดี แต่ไม่ทันไร ก็เริ่มมีพลังงานแปลกๆคืบคลานเข้ามาในบ้าน ลูกๆถูกทำร้ายในยุ้งข้าว มีคืนนึงที่หนึ่งในพวกเธอได้ยินเสียงกระซิบซ้ำไปมาว่า ‘มีศพของทหาร 7 นายฝังอยู่ในกำแพงบ้าน’ และทุกวันเวลา 5.15 ทุกคนจะถูกปลุกด้วยกลิ่นเนื้อสดๆลอยคลุ้ง (4)
มาถึงชุดแต่งงานกันบ้าง ชุดเจ้าสาวไม่ได้อลังการอะไร แต่จะไปเน้นที่เครื่องหัวและทรงผม ซึ่งผมในวัฒนธรรมชาวไวกิ้งสำคัญมาก ชี้ถึงเสน่ห์ ผมยิ่งยาวยิ่งดี แทนการใส่ Kransen เธอจะใส่มงกุฎเจ้าสาวซึ่งเป็นมรดกครอบครัว ในปัจจุบันก็ยังมีการใช้อยู่ แบบในภาพที่สองนั่นเอง (7)
ชาวบ้านก็อาจมีตะโกนด่าหรือเขวี้ยงผักผลไม้ใส่ หนักกว่าคือ shrew’s fiddle ที่มีสองอันติดกัน ใช้ล่ามคนสองคนที่ทะเลาะกันให้ทะเลาะกันให้พอใจจนกว่าจะหยุด (3)
สาวเย็บผ้ามักจะเจอปัญหางานหนักเกินกำลัง รวมถึงค่าจ้างที่แสนจะน้อย ส่วนสาวใช้ในบ้านมักจะถูกบังคับให้ขายบริการ แต่ก็มีหลายคนที่เลือกจะขายบริการเองด้วยความสมัครใจ เพราะแม้สาวๆหลายคนจะมีสกิลอย่างพิมพ์ดีดหรือชวเลข* รายได้ก็ไม่เพียงพอจะเลี้ยงลูกถ้าไม่พึ่งสามี (3)
แต่ถึงอย่างงั้น ถามว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติไหม มันถูกจัดอยู่ในเลเวลเดียวกับกลาดิเอเตอร์ นักแสดง หรือนักเต้นค่ะ (ยุคนั้นอาชีพแนวให้ความบันเทิงจะถือว่าอยู่ในชนชั้นที่ต่ำกว่า) และไม่ได้มีกฎหมายคุ้มครองขนาดนั้น และเมื่อมีสถานะเท่านั้นแล้ว ก็จะมีสถานะเท่านั้นไปตลอดถึงจะเลิกทำแล้ว (5)
ส่วนกระโปรงก็จะตรงๆ ยาวลากพื้นนิดๆ ไม่ฟูฟ่อง ไม่ได้ใส่สุ่มแบบยุคก่อนหน้า และสีที่นิยมจะออกเป็นสีเข้ม เช่นน้ำเงิน แดงเข้ม เขียว หรือ ม่วง โดยกำมะหยี่เป็นวัสดุที่นิยมมากที่สุดค่ะ ต่อมาคือชุดน้ำชายามบ่าย ชุดจะเหมือนเสื้อคลุมมากกว่า ใส่สบาย และไม่ใส่คอร์เซ็ตเช่นกัน (9)
ครีบยันลอย (Flying Buttresses) นี่ลักษณะสำคัญเลย เป็นส่วนเชื่อมโครงสร้างด้านในและนอกให้สามารถส่งผ่านแรงจากกำแพงด้านในออกมาด้านนอก ว่าง่ายๆคือรูปแบบการสร้างกำแพงซ้อนเพื่อช่วยค้ำจุนตัวตึกให้แข็งแรง นับว่าเป็นวิวัฒนาการที่ก้าวหน้ามาก และทั้งหมดมาจากการลองผิดถูก ไม่ใช่การใช้ทฤษฎี(3)
ครั้งก่อนพูดถึงคสพชายชายในญี่ปุ่นโบราณ มีคนถามมาในไอจีถึงคสพหญิงหญิงบ้าง หลักฐานเกี่ยวกับเลสเบี้ยนยุคเอโดะน้อยมากค่ะ ภาพเลสเบี้ยนที่ปรากฎในภาพวาด (อุคิโยเอะ) สันนิษฐานว่ามาจากแฟนตาซีผู้ชายล้วนๆ สมัยนั้นเหมือนมันเป็นอัตโนมัติไปแล้วที่ผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชายเท่านั้น เป็นอื่นไม่ได้
ช่วงนี้ไม่ได้เขียนอะไรเลย เจอเรื่องอะไรหนักๆติดกันเยอะมาก แง เหนื่อยจัง ไม่มีความสุขเลย เมื่อไหร่ช่วงเวลานี้จะผ่านไปนะ อยากกลับมามีความสุขกับการเขียนนั่นเขียนนี่ไวจังๆ ㅜㅡㅜ
คาเฟ่นารูโตะที่โตเกียวสกายทรีคือกรี้ดมากกกก 🥹🤍 ขนมอร่อยสุดๆ น้ำที่ขายก็ดี แล้วทำออกมาน่ารักนุ้บนิ้บมากๆๆๆ ฮือ กินแล้วคิดถึงตัวละครในความทรงจำทุกคน ของหวานพี่อิทาจิคือที่หนึ่งในใจ เป็นเค้กช็อกลาวากินคู่กับวิปครีมและซอสสตรอว์เบอร์รี่ ใครมาญปช่วงนี้ห้ามพลาด!
พ่อของโฮล์มส์ชอบบูลลี่เขา และโฮล์มส์ก็มักถูกแกล้งโดยเพื่อนร่วมชั้น มีอยู่วันนึงที่กลุ่มคนในโรงเรียนแกล้งโฮล์มส์โดยการขังเขาไว้ในห้องที่มีโครงกระดูกมนุษย์ ทีแรกเขาก็กลัว แต่พออยู่ไปสักพักก็เริ่มหลงใหลกับความตาย จากนั้นก็หมกมุ่นกับร่างไร้วิญญาณและเริ่มชำแหละสัตว์เล่น (3)
สาวๆชนชั้นสูงสมัยก่อนจะมี gap year หลังจากที่เรียนจบ grammar school จนถึงก่อนแต่งงาน (อายุประมาณ 13-15 ปี) ซึ่งจะเป็นช่วงที่ทางบ้านจะส่งพวกเธอไปเรียนที่ Finishing School แต่ก็มีบางบ้านที่ไม่ได้ส่งลูกสาวเรียนที่ grammar school และใช้วิธีจ้างครูส่วนตัวมาสอนที่บ้านแทน (2)
ตัวอย่างของแฟชั่น Y2K เช่น คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วงของ Dior ในปี 1999 โดยดีไซนเนอร์บอกว่าตนได้แรงบันดาลใจมาจากหนัง The Matrix (4)
ถุงมือไม่ได้ใส่ง่ายๆนะคะ เป็นอะไรที่เสียเวลามากๆๆๆ อาจกินเวลาถึง 20 นาทีได้เลยเพราะมันจะพอดีกับมือมาก ถึงอย่างงั้นสาวๆก็ต้องเปลี่ยนถุงมือบ่อยมากระหว่างวัน เพราะมันจะสกปรกได้ง่ายค่ะ (6)
แฟชั่น Y2K ค่อยๆเฟดไปในช่วงต้น 2000s เพราะสถานการณ์ทางการเมืองและสังคม ทั้งเหตุการณ์ 9/11 หรือสงครามอิรัก ทำให้ฝันแห่งยูโทเปียของผู้คนเริ่มหายไป แต่ในปัจจุบันหากพูดถึง Y2K จะกลายเป็นแฟชั่นในยุค 2000s แบบรวมๆแทน (5)
ลองนึกว่าการจะทำให้อาหารสุกก็ต้องใช้ความร้อน แต่ใต้ทะเลไม่ได้มีภูเขาไฟหรือรูเปิดปล่อยความร้อนเยอะนัก แถมยังอันตราย ชาวเงือกอาจจะเผาตัวเองหรือได้รับบาดเจ็บก็ได้นั่นเอง (14)
3) และเขาอยากจะให้คนที่ได้ตะเกียงคนถัดไปเป็นคนที่มีคุณค่ามากพอ จึงขอให้หลังจากเขาตาย สมบัติของเขาทั้งหมดและตะเกียงถูกเก็บเอาไว้ รอจนกว่าจะมีคนที่เป็น “เพชรในตม” คนที่เหมาะสมมารับต่อไป (5)