ในโรมโบราณยุคแรกๆ จะมีการทำนายที่เชื่อว่าจะได้รับสารจากพระเจ้าโดยดูจากการขยับตัวของนก ผู้ทำนายจะโฟกัสไปที่ทิศทางการบิน ซึ่งในวัฒนธรรมกรีกจะเชื่อว่าสารของพระเจ้าเป็นไปในแง่บวกถ้านกบินจากขวา แต่สำหรับชาวโรมจะเชื่อว่าดีก็ต่อเมื่อบินมาจากทางซ้าย (2)
ในยุคนั้นจะมี ‘ฤดู (season)’ อยู่ นั่นหมายถึง Social season ในลอนดอน ซึ่งงานนี้จะมีขึ้นหลังอีสเตอร์ ซึ่งจะจัดงานอยู่ประมาณ 2-3 วัน มีความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างยุครีเจนซีและยุควิคตอเรียน นั่นคือ ในยุครีเจนซี มีหลายทีที่พวกผู้ดีจะจัดงานเปิดตัวกันเองตามสถานี่ทางสังคมต่างๆ (2)
อีกเทรนนึงที่สำคัญคือเทรนขี้แมลงวันค่ะ น่าจะเคยเห็นในหนัง/ซีรีส์กันมาบ้าง มันมาจากนักเขียนบางคนที่อธิบายถึงความงามของเทพีวีนัสที่มีไฝอยู่บนหน้า แต่สาวๆยุคนั้นใช้จุดนี้ในการปกปิดร่องรอยของซิฟิลิสหรือไข้ทรพิษ ละถ้าจุดไฝมากไปก็จะดูเว่อ น้อยไปก็จะดูเชย ต้องกะให้พอดีๆ (4)
หลังจากนั้น 4 วัน เธอก็หลับใหลและไม่ตื่นอีกเลยเป็นเวลากว่า 32 ปี ครอบครัวไม่รู้จะทำยังไง (เพราะสมัยนั้นยังไม่มีความรู้ที่จะเดาอาการต่างๆ) และก็ไม่มีเงินมากพอจะหาไปหาหมอหรือหาทางรักษา พวกเขาจึงพึ่งยาพื้นบ้านและคำแนะนำจากหมอตำแย (3)
สมัยนั้นมีกฎหมายว่าด้วยเรื่องของหญิงที่ท้องไม่มีพ่อคือ Bastardy Act of 1733 ชี้ว่าหญิงโสดที่ท้องต้องบอกให้ได้ว่าใครคือพ่อของเด็ก สาวๆมีทางเลือกไม่มาก ยิ่งด้วยสังคมมักจะทำให้พวกเธอรู้สึกอับอาย หลายคนจึงนำลูกไปฝากรพ. Foundling ที่ลอนดอน ที่รับเลี้ยงเด็กที่พ่อแม่ไม่พร้อมเลี้ยง (7)
ร้านแรกที่จะพุ่งไปกินถ้าได้ไปญี่ปุ่นคือร้านซูชิที่อากิฮาบาระ อยู่ตรงหน้าสถานีเลย อร่อยมากแบบแสงออกปาก ซูชิหน้ากุ้งท้อปด้วยชีสกับซอสเพสโต้คือเดอะเบส ㅜㅡㅜ
ในปี 1856 นักเคมีวิทยาวัย 18 ปีนาม William Henry Perkin ค้นพบสีม่วง Mauve โดยไม่ได้ตั้งใจ และสีม่วงค้นพบใหม่นี้ก็กลายเป็นที่นิยม โดยเฉพาะหลังจากที่ควีนวิคตอเรียสวมชุดย้อมด้วยม่วง Mauve ไปงาน Royal Exhibition of 1862 และเพราะ Perkin สร้างโรงงานผลิต ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ (9)
ในวัฒนธรรมอินคา การถนัดซ้ายจะเกี่ยวข้องกับความดี เพราะชื่อของหัวหน้าชาวอินคาคือ Lloque Yupanqui ซึ่งแปลว่าการถนัดซ้าย สำหรับชาวมายันก็มองการถนัดซ้ายในแง่ดีเช่นกัน โดยคำว่าซ้ายภาษาเขาคือ dziic มาจากคำว่า dziicil ที่แปลว่าทหาร/กล้าหาญ (3)
อย่างไรก็ตาม ก็มีคนแย้งว่าในยุควิคตอเรียน เป็นเรื่องปกติที่มีภาพเด็กเปลือยบนโปสการ์ดหรือผลงานศิลปะ เพราะเด็กถือว่าเป็นความบริสุทธิ์ ไม่ได้ถูกมองไปในทางเพศแต่งอย่างใด ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครตอบได้ว่าดอดจ์สันคิดอะไรอยู่กันแน่ (6)
เด็กๆจากชั้นสองทั้ง 24 คนก็รอดหมดทุกคนเช่นกัน ซึ่งเด็กๆส่วนมากจะมาจากครอบครัวชนชั้นกลาง ลูกๆของอาจารย์หรือนักบวช ถึงจะไม่ได้ใช้บางอย่างเหมือนผู้โดยสารชั้นหนึ่ง แต่ก็มีอาหารให้ทานสามมื้อและอาหารเป็นคอร์สเช่นกัน (2)
คารุเบะคือวอลรัสผู้ซื่อสัตย์ต่อคำพูดตัวเองและทำตามกฎ คารุเบะมีความเลือดร้อน ไม่กลัวใคร ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังในบางที เหมือนกับวอลรัส ซึ่งประกอบกับเป็นคู่หูของโชตะด้วย ดูโอ้นี้ก็เหมือนกับดูโอ้ของช่างไม้กับวอลรัสนั่นเอง (7)
เผื่อใครนึกไม่ออกหรือไม่รู้จัก นี่ค่ะเจ้าหญิงเอเลน่าจากเรื่อง Elena of Avalor
พวกแป้งอะไรงี้คนก็ใช้น้อยลง รูจก็เริ่มถูกแทนด้วยขนสัตว์จากสเปนที่นำไปย้อมแล้วตัดแบ่ง แล้วค่อยเอามาทาปากกับแก้ม ช่วงปฏิวัติ ถ้าใครดูรวยดูแพง มีสิทธิ์โดนจับไปตัดหัวหมด การแต่งหน้าน้อยๆก็เลยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้ปลอดภัย (6)
เพิ่งรู้ว่ากาแฟ dirty ที่เราดื่มกันมีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่น!! ได้แวะไปลองออริจินัลเดอร์ตี้ที่ shimokitazawa มา บอกเลยว่าคนละแนวกับที่เคยรู้จักเลย นมที่เขาใช้จะเป็นนมจืดแต่มันๆและนัวมากก เน้นไปที่กลิ่นกาแฟเต็มๆ แต่ถ้าใครชินกับแบบไทยก็น่าจะไม่ชินกับเดอร์ตี้เวอร์นี้55555
ในช่วงของการล่าแม่มดแห่งซาเล็ม ผู้หญิงที่ถนัดซ้ายจะถูกตีตราว่าเป็นแม่มดทันที มีผู้หญิงอย่างน้อย 1 คนที่ถูกเผาส่วนนึงมาจากการที่เธอถนัดซ้าย ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นสมัยก่อน แค่ผู้หญิงถนัดซ้ายก็จะถูกเกลียดได้ หรือแม้แต่ถูกหย่าก็มี (8)
ทีแรกมีการแพลนให้ผมของราพันเซล นอกจากจะสามารถฮีลได้ ทำให้อ่อนวัยได้ ยังจะให้ผมสามารถขยับเองตามต้องการ เหมือนเป็นลูกน้อง (?) ของราพันเซล (ให้นึกถึงผ้าคลุมหมอแปลกเอาไว้ ฟิลนั้นเลย55555) แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น นึกไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไงนะเนี่ย twitter.com/_sxxxya_/statu…
(Please RT) ใครอยากเห็นสวนสนุกธีมบาร์บี้บ้างง 🙋🏻‍♀️ อยากรบกวนคนที่สนใจทำแบบสอบถามนี้ให้กันนิดนึงค่ะ! ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที แล้วบางทีเราอาจจะได้เห็น concept art สวนสนุกบาร์บี้สวยๆกันก็ได้นะ ชาวบาร์บี้เลิฟเวอร์ ถึงเวลาของคุณแล้ว! docs.google.com/forms/d/e/1FAI…
หลังจากการล่มสลายของอาณาจักรไบเซนไทน์ ความเฉพาะกลุ่มของสีม่วงก็ลดลง ในช่วงยุคกลาง นอกจากพวกบิชอป ก็จะเป็นพวกอาจารย์ในมหาลัยก่อตั้งใหม่ในยุโรปค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม สีม่วงก็มีบทบาทสำคัญในภาพวาดทางศาสนาของยุคเรเนซองส์ อย่างเทวดาและพระแม่มารีมักจะถูกวาดให้ใส่ชุดสีม่วง (7)
ก่อนจะมีระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า กระเป๋าทุกใบถูกย้ายด้วยมือ แปลว่าผู้โดยสารต้องไปที่เคาท์เตอร์ โชว์ตั๋ว และให้ทิปตอนที่ตัวเองได้กระเป๋าแล้ว ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะบางคนก็มีกระเป๋าหลายใบ สมัยนั้นยังไม่มีกำหนดจำนวนกระเป๋าที่ผู้โดยสารสามารถนำไปได้ (13)
ซีนแรกของตอนแรกที่เปิดตัวสาวๆต่อหน้าควีนชาร์ล็อตต์ เรียกได้ว่าเป็นการเดบิ้วต์ตัวเองในสังคมลอนดอนก็ได้ค่ะ โดยจะมีการถูกเรียกชื่อ ถอนสายบัวให้กับควีน เป็นการอยู่ในสปอตไลท์แบบจัดๆเลย ซึ่งจริงๆแล้วสถานการ์ณน่ากดดันและชวนอึดอัดมากๆ ไหนจะต้องแต่งชุดจัดเต็มอีก (7)
แม้อายุที่เหมาะกับการเปิดตัว (ขอใช้คำนี้ในเธรดแทนการเข้าร่วมเดบูต็อง) จะอยู่ที่ประมาณ 15-16 ปี แต่ก็ไม่มีช่วงอายุที่จำกัดหรือระบุไว้ คนที่ตัดสินใจเวลาที่เหมาะสมคือพ่อแม่ของสาวๆ บางครอบครัวก็เปิดตัวลูกสาวพร้อมกันทุกคนก็มี (1)
“The Nutcracker อัศจรรย์คืนฝันวันคริสต์มาส” อันนี้รอบการแสดงนะคะ จองวันเวลาที่ตัวเองสะดวกได้เลย สำรองที่นั่งทาง ticketmelon.com/tapadkarnlakor… #ArchNutcracker
สิ่งต้องห้ามอีกอย่างคือการหญิงโสดและชายโสดอยู่ด้วยกันหรือพบปะกันลำพังสองต่อสองโดยที่ไม่มี chaperone (หญิงมีอายุ/มีสามีแล้วที่จะไปงานสังคมกับหญิงหรือชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน) (9)
ตำนานจากไอร์แลนด์กล่าวว่า ในศ.ที่5/6 นักบุญ Brigid แห่ง Kildare คือหญิงที่ผลิตเบียร์ได้มีคุณภาพ และเชื่อว่าเธอเคยสร้างปาฏิหารย์ค่ะ โดยใช้เพียงมอลต์ถุงเดียว เธอสามารถกลั่นเบียร์อีสเตอร์ให้กับโบสถ์ได้ถึง 17 แห่ง (10)
ไม่ว่าคุณจะเทแบบไหน แต่ย้อนกลับไปในยุคก่อน เพราะเป็นถ้วยชามเครื่องเคลือบชั้นดี นมอุณหภูมิปกติหรือนมเย็นๆจะต้องถูกเทลงไปในถ้วยก่อนค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้แก้วแตก แล้วจึงเติมชาหรือกาแฟลงไป (8)