ซึ่งมันก็กลายเป็นกิจวัตรของดัชเชส และเธอก็เริ่มชวนเพื่อนๆให้มาร่วมรับประทานด้วยกัน จนมันเลยกลายเป็นอีเว้นท์ทางสังคมอย่างนึงเลย สาวๆชนชั้นสูงจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดสำหรับจิบน้ำชาโดยเฉพาะ ใส่ถุงมือและหมวก ซึ่งสาวๆหลายคนเลิฟมาก บางคนแวะดื่มชาที่โน่นที่นี่ถึง 9 ที่ในบ่ายเดียว! (5)
การเข้าร่วมปาร์ตี้ชายามบ่าย ไม่จำเป็นต้องมีบัตรเชิญแบบเป็นทางการค่ะ ใครที่อยากจัด ก็เขียนวันและเวลาลงบนนามบัตรของตัวเอง หรืออยากให้จริงจังก็ทำเป็นจดหมายส่งเฉพาะบุคคลเลยก็ได้ (6)
เครื่องดื่มที่เสิร์ฟก็จะมีให้เลือกหลักๆระหว่างชากับช็อคโกแลทร้อนค่ะ บางทีอาจมีกาแฟ น้ำพั๊นช์ หรือน้ำมะนาวด้วย แต่ที่ไม่มีแน่ๆคือเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์นะ อ้อ คำถามก่อนไปเธรดถัดไป ปกติเวลาดื่มชา/กาแฟ จะเทนมก่อนหรือเทหลังกันเอ่ย? (7)
ไม่ว่าคุณจะเทแบบไหน แต่ย้อนกลับไปในยุคก่อน เพราะเป็นถ้วยชามเครื่องเคลือบชั้นดี นมอุณหภูมิปกติหรือนมเย็นๆจะต้องถูกเทลงไปในถ้วยก่อนค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้แก้วแตก แล้วจึงเติมชาหรือกาแฟลงไป (8)
พูดถึงอาหารที่เสิร์ฟกันบ้าง แน่นอนที่ขาดไม่ได้เลยคือสโคนกับคล็อตเตท ครีมค่ะ แล้วก็จะมีพวกเค้ก แซนด์วิชไส้ต่างๆ ที่ตัวขนมปังจะออกสปอนช์ๆหน่อย (ยืนหนึ่งเลยคือไส้แตงกวา มีแทบทุกงาน) คุ้กกี้ ไอศกรีม (9)
ว่าด้วยประเภทของ Afternoon tea มีอยู่สามแบบด้วยกันค่ะ • Light Tea: เป็นชากับสโคนเปล่าๆ และขนมชิ้นเล็กอย่างลูกกวาดหรือคุกกี้ • Cream Tea: ชากับสโคน ประเภทนี้จะทาครีมและแยมด้วย • Full Tea: ประเภทนี้จะจัดเต็มเลยค่ะ มีทั้งชา สโคน แซนวิช และขนมประเภทต่างๆ (10)
ขอเรื่อง Afternoon Tea อีกนิด (ติดใจ555) หญิงที่เป็นผู้จัดงานจะมีสาวใช้ติดตาม 1-2 คน ซึ่งพวกเธอมีหน้าที่เก็บจาน ถ้วย ทำให้โต๊ะสะอาดอยู่เสมอ (จะทานขนมจากชั้นบนลงชั้นล่าง โดยทานชั้นไหนเสร็จ ถาดชั้นนั้นจะถูกถอดออก) และในการเทชา/ช็อคโกแลท ผู้เทจะต้องเป็นเจ้าของงานค่ะ (11)
มีตัวอย่างอาหาร 7 คอร์สสไตล์วิคตอเรียนมาฝากค่ะ คอร์ส 1: หอยนางรม คอร์ส 2: ซุป (Soup a la Reine หรือ ซุปโปรดของราชินี, Mock Turtle) คอร์ส 3: จานปลา (Lobster Newberg) คอร์ส 4: จานเนื้อ/ อาหารจานหลัก (Beef Collops au Bordelaise)
คอร์ส 5: จานสลัด (ที่นิยมยุคนั้นก็จะเป็น iceberg lettuce ราดด้วยน้ำสลัดมายองเนสหรือน้ำมัน ผสมกับน้ำส้มสายชู คู่กับชีส) คอร์ส 6: ของหวาน (ในภาพตัวอย่างคือสตรอว์เบอร์รีเชอร์เบท) คอร์ส 7: กาแฟ (พร้อมกับผลวอลนัทและผลไม้แช่อิ่ม)
ชุดสีชมพูของแอเรียลเวอร์ชั่นสาวชนชั้นสูงในช่วงปี 1860s ล่ะ ㅜㅡㅜ สวยอลังมากกก จินตนาการภาพว่าตัวเองใส่ชุดนี้ไปงานเลี้ยงหัวค่ำสิ โอ่ย เจ้าหญิงยืนหนึ่ง ไม่มีใครละสายตาไปจากชั้นได้แน่ๆ (credit to @/revancosplays 🤍)
ช่วงนั้นสาวๆใส่คริโนไลน์กันด้วย กระโปรงบานๆฟูๆแบบนั้นเป๊ะเลย ชอบมาก 💓 แล้วชุดที่คุณเค้าออกแบบมาคือแมทช์กับไทม์ไลน์ที่นี่วิเคราะห์ว่าเป็นเซตติ้งของการ์ตูน The Little Mermaid ด้วยนะ ยัยแอเรียลในชีวิตจริงก็ต้องใส่ชุดอารมณ์ประมาณนี้ล่ะ
คิดถึงตอนอยู่อ๊อกซ์ฟอร์ด (อีกแล้ว) ทุกวันศุกร์เรากับเพื่อนจะชอบไปตรง Radcliffe Camera ที่เป็นห้องสมุดปิด (สร้างสมัยศ.ที่ 18) เพราะใกล้ๆจะเป็นคาเฟ่เล็กๆในโบสถ์ที่ขายสโคนที่อร่อยที่สุดในโลกอยู่ 🥺 กินกับช็อคโกแลทร้อนคือที่สุด แถมมีเค้กกับอาหารขายด้วย นั่งอ่านหนังสือลืมเวลาเลย
จะเขียนเธรดเกี่ยวกับตัวละครดิสนีย์ พวกฟันแฟคสนุกๆ ประวัติ รายละเอียดน่าสนใจ แบบเจาะลึกเป็นคนๆไปเลย แต่ด้วยว่ามันมีตัวละครเยอะมากเลยเลือกเขียนไม่ถูก เลยจะมาขอให้ช่วยเลือกกัน อยากอ่านของใครบ้างไหมคะะะะะ 🪄
ชุดงานเลี้ยงกลางคืนของสาวๆฝรั่งเศสในปี 1894 ออกแบบโดยห้องเสื้อ House of Worth ล่ะ สวยมากกกก
before after (เป็นแอเรียลแล้วจริงๆนะ)
เจ้าชายตัวน้อยกับเหล่าเจ้าหญิง น่ารักที่สุดเลยเพคะ ㅜㅡㅜ 🤍
ตกลงแล้ว “แวมไพร์” กับ “แดร็คคูล่า” ต่างกันหรือเหมือนกันยังไง เคยสับสนไหมคะ เธรดนี้จะมาแนะนำสิ่งมีชีวิตทั้งสองประเภทนี้ให้รู้จักกันค่ะ (เผื่อถ้าเจอจะได้รู้ว่าเป็นใครและรับมือได้ถูกวิธี) 🧛🏻
มาเริ่มจากอะไรคือ ‘แวมไพร์’ กันก่อน พวกเขาคือสิ่ง (ไม่) มีชีวิตในตำนานที่ดูดเลือดคนในครอบครัว ออกหากินยามกลางคืน (เพราะไม่มีพลังเวลากลางวัน) และจะดูดเลือดโดยใช้เขี้ยว โดยเหยื่อที่ถูกดูดเลือดก็จะตายและกลายเป็นแวมไพร์ (1)
ในตำนานทางยุโรป ก็มีเรื่องเล่าว่าแวมไพร์จะกลับมาเยี่ยมคนที่พวกเขารักครั้งเป็นคน ทำให้บริเวณนั้นมีคนตาย ลักษณะของแวมไพร์จะผิวสีแดงไม่ก็คล้ำ (ขัดกับแวมไพร์ที่เราเคยเห็นกันในหนังเลย) พลังวิเศษที่คุ้นเคยก็เช่น พละกำลังแข็งแกร่ง สามารถสะกดจิตเหยื่อได้ บ้างก็แปลงเป็นค้างคาวได้ (2)
แวมไพร์จะไม่มีเงา มองไม่เห็นเงาสะท้อนในกระจก และในหลายๆทีก็มักจะถูกโยงเข้ากับปราสาทหรือพวกขุนนาง เชื่อว่าสิ่งที่กันแวมไพร์ได้คือกระเทียม เมล็ดต้นมัสตาร์ด กุหลาบป่า พืชฮอธอร์น น้ำมนตร์ ไม้กางเขน และลูกประคำ (3)
และแวมไพร์ก็ไม่สามารถเข้าใกล้สถานที่ทางศาสนาได้ รวมไปถึงเข้าใกล้น้ำจากแหล่งบริสุทธิ์ด้วย (เพราะเชื่อว่าน้ำคือสิ่งศักดิ์สิทธ์ และสายน้ำยังเป็นตัวแบ่งอาณาเขตของแวมไพร์อีกด้วย) วิธีกำจัดแวมไพร์เพียงหนึ่งเดียวคือการแทงทะลุที่หัวใจ (4)
มาถึง ‘แดร็คคูล่า’ กันบ้าง! เขาคือเดอะวันแอนด์โอนลี่ เป็นตัวละครจากนิยายเรื่อง Dracula ของ Bram Stoker ซึ่งว่าด้วยชายคนหนึ่งที่เดินทางไปยังทรานซิเวเนีย ประเทศโรมาเนีย และพำนักที่ปราสาทของเคาท์แดร็คคูล่า หรือ วลาด (ชื่อของเคาท์) ผู้เป็นชนชั้นสูง และเป็นแวมไพร์ (5)
พ่อของวลาดเป็นที่รู้จักกันในนาม แดร็คคูล่า และวลาดก็สืบทอดชื่อนี้มาเช่นกัน แดร็คคูล่าเป็นสิ่งมีชีวิต และการดื่มเลือดก็ไม่ได้จำเป็นต่อการดำรงชีพค่ะ และเมื่อแดร็คคูล่าอยากออกล่า ก็จะล่าคนทั่วไปหรือไม่ก็ศัตรูของตัวเอง (6)
ใครอยากรู้เรื่องของแวมไพร์แบบเจาะลึก มาอ่านเธรดนี้ได้นะคะ 🤍 twitter.com/arielqueenss/s…
มาแจกแจงความต่างให้อ่านกันดีกว่าค่ะ 1) แวมไพร์เป็นผีดิบดูดเลือด แต่แดร็คคูล่าคือตัวละครในนิยายเรื่อง ‘แดร็คคูล่า’ ที่มีชีวิต เป็นคน 2) แวมไพร์ต้องดูดเลือดเท่านั้นถึงจะมีชีวิตรอดได้ เลือดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็ได้ แต่แดร็คคูล่าดูดเลือดคนเท่านั้น และไม่กินเลือดก็อยู่ได้ (7)