ตอนไปเซนไดได้ลองขนมที่โกะโจซื้อมาด้วย ที่ร้านเขามีแสตนดี้โกะโจถือถุงไว้เลย5555 มันคือ Kikufuku หรือโมจิไส้ครีม โดยรสที่โกะโจชอบคือ Zunda ที่จะสอดไส้ถั่วแระบดของขึ้นชื่อเซนได้ไว้ จะมารีวิวแบบสั้นๆคับ
ใครเอ่ยโผล่มาจ๊ะเอ๋ที่เบอร์เกอร์คิงงง 🥺
นี่คือภาพจากยุคกลาง วาดต้นไม้จู๋และมีผู้หญิงมาเก็บจู๋กลับบ้าน ซึ่งผญพวกนี้ (ถูกกล่าวหาว่า) คือแม่มด หนึ่งในลักษณะของแม่มดยุคนั้นคือมีเวทมนตร์ที่ทำให้อวัยวะร่างกายหายไป ถึงขนาดเชื่อว่าแม่มดเลี้ยงจู๋เป็นสัตว์เลี้ยงและให้อาหาร twitter.com/arielqueenss/s…
เด็กสาวยุคกลางแต่งงานได้ตั่งแต่อายุ 12 ปี โดยคนหาคู่ให้ก็พ่อแม่นั่นแหละ หาเองไม่ได้ แถมในยุคนั้นยังมีกฎหมายรองรับว่าสามีสามารถทำร้ายร่างกายภรรยาได้ (แบบไม่เกินพอดี) ซึ่งมันคือหนึ่งในความเชื่อยุคนั้นว่าสามีต้องทรีทภรรยาเหมือนลูกศิษย์ และสอนมารยาทให้ (10)
ถ้าเป็นผู้ชายในยุคกลางแล้วมีชู้ คุณจะต้องจ่ายค่าปรับ… แล้วก็จบค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะ? พวกเธอจะโดนตัดจมูก ตัดหูทั้งสองข้างค่ะ เพื่อให้พวกเธอไม่สวย (!!!) (9)
1) ผู้หญิงโง่ ถูกหลอกได้ง่าย เป็นเหตุผลให้พวกเธอหันเข้าหาเวทมนตร์ 2) ผู้หญิงไม่รู้จักพอในเรื่องของกามารมณ์ (ทั้งที่ผู้ชายนั่นแหละที่มักจะมีเมียหลายคน 🥶) เลยต้องหันไปพึ่งปีศาจเพื่อเติมเต็มความต้องการ 3) ผู้หญิงพูดมาก 4) ผู้หญิงอ่อนแอ เวลาแก้แค้นเลยต้องไปพึ่งเวทมนตร์ (8)
แน่นอนว่าในยุคนี้สาวๆจะถูกกดขี่และเข้าใจผิดเป็นอย่างมากว่าเป็นแม่มด มีเกณฑ์ในการจับผิดมากมาย ไว้เธรดอื่นจะมาเล่าแบบเจาะลึกถึงเหตุผลและวิธีสังเกต แต่มันไปจนถึงขั้นที่เชื่อว่าแค่เป็นผู้หญิง = เป็นบาป = เป็นแม่มด ได้แล้ว นั่นก็เพราะ (warning: เธรดต่อไปกำหมัดมากๆ ทำใจก่อนอ่าน) (7)
ducking tool เวอร์ชั่นสองก็คล้ายๆกับของเดิม แต่สาวๆจะถูกนำไปหย่อนลงในแม่น้ำซ้ำไปซ้ำมา เชื่อว่าเพื่อ “ทำให้ไฟร่านดับลง” อะไรประมาณนี้ รวมไปถึงใช้เพื่อทดสอบว่าสาวคนนั้นเป็นแม่มดหรือเปล่า ถ้าเธอลอยก็แปลว่าร่างกายปฏิเสธน้ำ (ซึ่งถือว่าศักดิ์สิทธิ์) = เป็นแม่มด ถ้าไม่ลอยก็จมน้ำตาย (6)
ว่าด้วยเรื่องของเมนส์ แน่นอนว่าสมัยนั่นไม่ได้มีผ้าอนามัยแบบในปัจจุบัน บางคนใช้ผ้าขี้ริ้วหรือผ้าลินินมารอง บางคนเอาผ้ามาพันรอบกิ่งไม้แล้วยัดเข้าไปในจิ๊มิ๊ หรือใครที่ไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ ทางแก้คือใส่เสื้อผ้าสีแดงทั้งตัวค่ะ เมนส์เลอะก็ไม่มีใครเห็นแล้วทีนี้ (4)
ชาวบ้านก็อาจมีตะโกนด่าหรือเขวี้ยงผักผลไม้ใส่ หนักกว่าคือ shrew’s fiddle ที่มีสองอันติดกัน ใช้ล่ามคนสองคนที่ทะเลาะกันให้ทะเลาะกันให้พอใจจนกว่าจะหยุด (3)
นี่คือ shrew’s fiddle ค่ะ เป็นอุปกรณ์ที่จะล็อคหัวกับมือสองข้างของผู้หญิงเอาไว้ แค่เพราะพวกเธอเสียงดังหรือมีปากเสียงกัน นิยมใช้ในเยอรมันและออสเตรีย บางทีเจ้านี่ก็จะมีกระดิ่งติดไว้เพื่อส่งเสียงให้ชาวบ้านรู้ว่าพวกเธอเดินผ่านมา (2)
ผู้หญิงไม่ได้มีสิทธิในชีวิตของตัวเองเท่าที่พวกเธอต้องการเลย หนทางในการใช้ชีวิตส่วนมากหลักๆมีแค่สองทาง คือแต่งงาน หรือไม่ก็บวชชี นี่คือการสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง ซึ่งสาวคนไหนไม่อยากมีลูกส่วนมากก็จะไปเป็นแม่ชีกัน (1)
สาวๆที่มีชีวิตอยู่ในยุคกลางนับว่าเป็นหนึ่งในยุคที่ลำบากสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะชาวบ้าน ทั้งถูกหาว่าแม่มด โดนจับใส่อุปกรณ์ดับไฟร่าน (มีจริงนะเออ) หรือจะเป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน เธรดนี้จะมาเล่าให้อ่านกันค่ะ ว่าถ้าเราได้เป็นสาวๆยุคกลาง จะต้องเจอกับชีวิตแบบไหนกันบ้าง จะอยู่รอดไหมนะ
ที่ไทยมีบัคเก็ตเหล้าถัง ญี่ปุ่นมีเป็นกะละมังจ้า5555555 แล้วที่ตักคือที่ตักน้ำไว้ล้างมือเวลาก่อนเข้าวัดญี่ปุ่นด้วย ปังมาก กิมมิค 💯 twitter.com/i/web/status/1…
โปสเตอร์ใหม่ the little mermaid ไลฟ์แอคชั่นสวยมากกป ㅜㅡㅜ เห็นแล้วอดนึกถึงโปสของการ์ตูนไม่ได้ ไวป์เดียวกันเลย ถ่ายทอดความอยากขึ้นไปบนโลกมนุษย์ของแอเรียลได้ดีมาก ที่สำคัญเลยคือ หาง-สวย-มาก!!!
อันนี้น่ารักมาก ที่ดิสนีย์โตเกียวยกเลิกพาเหรดหมดเลยในวันนั้น แคสต์เมมเบอร์และแขกเลยมาเดินเปิดเพลงเต้นเป็นพาเหรดเล็กๆแทน เอ็นดู 🥺
ด้วยที่แอนน์เป็นคนผมสีเข้มและผิวสีโอลีฟ ทำให้หลายคนคิดว่าเธอนั้นไม่ตรงตามบิวตี้สแตนดาร์ดในยุคนั้น มีทูตคนนึงพูดถึงเธอว่า เธอผิวเข้ม คอยาว ปากกว้าง หน้าอกไม่ค่อยตั้ง และไม่ใช่คนที่สวยที่สุดในโลก แต่เธอรู้ตัวว่าเธอมีตาสีดำที่สวยมาก เธอจึงใช้ประโยชน์จากดวงตาของเธอ (13)
ความปังอีกอย่างของชีแอนน์คือการที่เธอได้ยศของผู้ชาย (Marquess of Pembroke) และเป็นตำแหน่งโดยสิทธิ์ตัวเอง เพราะสมัยก่อนการที่ผู้หญิงจะมีตำแหน่งได้ จะได้ยศตามพ่อหรือสามีที่มียศอยู่แล้วเท่านั้น (7)
เมื่อแอนน์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นควีนในปี 1533 เธอสวมมงกุฎ St. Edward's ซึ่งเป็นหนึ่งในมงกุฎที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ และมันเป็นมงกุฎของคิงเท่านั้น (ขนาดแคทเธอรีนยังใส่มงกุฎของราชินี) ซึ่งเป็นเรื่องฮือฮามาก เชื่อว่าเพื่อโชว์ให้เห็นว่าเธอและลูกในท้องคือราชวงศ์อย่างแท้จริง (6)
ชีแอนน์แซ่บมาก ถึงขั้นฉลอง (กับตัวเอง) ที่ศัตรูของตัวเองสิ้นชีพ อ้างอิงจากทูตสเปนสมัยนั้น เชื่อว่าแอนน์วางแผนต่อต้าน Catherine of Aragon (ภรรยาคนแรกของเฮนรีที่แปด) และหลังจากที่แคทรีนตุยเย่ ชีแอนน์แฮปปี้ขนาดใส่ชุดสีเหลือง ซึ่งเป็นสีแห่งความสุข ไม่ใช่สีไว้ทุกข์ (5)
แมรี่ (พี่สาวของแอนน์) ก็เคยเป็นภรรยาน้อยของคิงเฮนรีที่ 8 ก่อนที่แอนน์จะเข้ามา ทั้งสองเคยทำงานร่วมกัน โดยก่อนหน้านี้เธอก็เคยเป็นภรรยาของคิงฟรานซิสแห่งฝรั่งเศสเช่นกัน ซึ่งการที่พี่ตัวเองเคยเป็นเมียผัวตัวเองก็ทำให้แอนน์ไม่สบายใจที่จะแต่งกับเฮนรี เพราะว่า (1)
ในสแตนดาร์ดสมัยนั้น การที่ชายคนนึงพยายามจะแต่งงานกับคนที่เป็นพี่หรือน้องของหญิงที่ตัวเองมีความสัมพันธ์ด้วย จะนับว่าเป็นอินเซสหรือการร่วมประเวณีในสายเลือดก็ได้ เฮนรีถึงกับไปใช้ความช่วยเหลือจากองค์พระสันตะปาปาเลยทีเดียว (2)
พูดถึง Anne Boleyn หลายคนอาจจะนึกถึงภรรยาของคิงเฮนรีที่แปด และเป็นแม่ของควีนอลิซาเบธที่หนึ่ง รวมไปถึงบางคนที่พบเห็นวิญญาณของเธอตามสถานที่หลายแห่ง แต่เรื่องราวชีวิตของเธอมีเรื่องเกิดขึ้นเยอะมาก อาจเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่น่าสนใจทีเดียว เธรดนี้จะมาเล่าเรื่องเล่าของเธอให้อ่านกันค่ะ
มองขึ้นไปจากด้านล่างก็จะเห็นฟ้าใสๆของโลกมนุษย์ด้านบน เหมือนในหนังเป๊ะเลย ตรงนี้เราขนลุกมาก 🥺🤍 ทำให้ได้ฟีลเหมือนยัยแอเรียลที่อยากขึ้นไปเป็นส่วนนึงของโลกมนุษย์เลย
และไฮไลท์สำคัญที่เราเพิ่งรู้ว่ามันมีอยู่จริง คือ “ถ้ำของแอเรียล” ค่ะ!! 😭😭 ใช่แล้ว เราได้ไปเที่ยวในถ้ำของแอเรียลจริงๆเลย มีรูปปั้นเจ้าชายเอริค มีแม้แต่ภาพวาดที่โผล่ในหนัง ของรักของหวงแอเรียล แถมยังมีเซบาสเตียนอยู่ในถ้ำด้วย รายละเอียดเยอะมาก ฟินที่สุด!! twitter.com/i/web/status/1…