บ้านนี้มีลูกห้าคน และลูกทุกคนก็พูดตรงกันว่าบ้านหลังนี้มีวิญญาณ แต่เป็นวิญญาณใจดี ทำหน้าที่เหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เช่น ห่มผ้าให้และจูบหน้าผากก่อนนอน หนึ่งในลูกสาวเล่าว่าตลอดสองเดือน เธอคิดว่านั่นคือแม่ของเธอ แต่มาเอะใจเพราะกลิ่น— แม่กลิ่นเหมือนสบู่ แต่วิญญาณนี้กลิ่นเหมือนผลไม้(3)
ครอบครัวเพอร์รอนเพิ่งย้ายบ้านใหม่ ใดๆเลยคือสิ่งแรกที่เพื่อนบ้านเอ่ยกับพวกเขาคือ ‘อย่าลืมเปิดไฟทิ้งไว้ตอนกลางคืนล่ะ!’ ตามมาด้วยเหตุการณ์แปลกๆที่ไม่มีใครคิดว่าแปลก อย่างเช่น สิ่งของเคลื่อนย้ายเอง ได้ยินเสียงประหลาด แต่ทุกคนก็คิดเอาเองว่านี่มันบ้านเก่า ก็คงไม่แปลกอะไรมากหรอก (2)
ถ้าพูดถึงหนังผีในดวงใจ เราจะยก The Conjuring มาพูดถึงทุกครั้ง นี่ปกติเป็นคนชอบหนังสยองขวัญอยู่แล้ว วันก่อนเพิ่งกลับไปดูก็ยังชอบไม่เปลี่ยน นิทานก่อนนอน (?) วันนี้เลยอยากเล่าเกี่ยวกับ ‘เรื่องจริง’ สุดหลอนที่เป็นแรงบันดาลใจให้หนังเรื่องนี้— ครอบครัวเพอร์รอนค่ะ (1)
เป็นหนึ่งในอนิเมชั่นที่ดูซ้ำบ่อยๆไม่ได้จริงๆ ร้องไห้หนักมาก ยิ่งมาดูตอนโตยิ่งเข้าใจอะไรมากขึ้นยิ่งเศร้าและประทับใจ คุณปู่ของหนุ ㅜㅡㅜ
ไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณปู่ Ed Asner ผู้พากย์เสียงปู่คาร์ลจากเรื่อง Up! ปู่ซ่าบ้าพลังได้จากโลกนี้ไป โชว์ปราสาทที่ดิสนีย์แลนด์จึงมีพาร์ทที่เป็นเรื่องราวของปู่ แถมมีบ้านลูกโป่งลอยรอบปราสาทด้วย ในที่สุดปู่คาร์ลก็ได้ไปอยู่กับเอลลี่แล้วนะคะ 🎈
มาเป็นแม่มดกันเถอะ (เซตติ้งยุคไหนตามใจชอบกันเลยนะคะ) 🧙🏻‍♀️🔮 วันเกิด: ถิ่นที่อยู่ เดือนเกิด: การแต่งตัว เลขมือถือตัวสุดท้าย: ยามแฝงกายเป็นมนุษย์ ราศี: ความสามารถพิเศษ อย่าลืมโควท/เมนชั่นให้ดูกันนะคะ 🤍
เดอะเบสแบบไม่มีอะไรมาลบล้างได้ ㅜㅡㅜ
จริงๆคิดว่าตัวเองดูหนังเซตติ้งยุคกลางมาระดับนึง ถ้าจะทำเธรดแนะนำเรื่องที่คิดว่าค่อนข้างโอเคในเรื่องของความถูกต้องตามประวัติศาสตร์ พวกรายละเอียดเช่นการแต่งกาย วัฒนธรรม ความเชื่องี้ สนใจกันมั้ยคะ แต่ก็จะอิงตามความคิดเรานะ อาจจะมีใช่บ้างไม่ใช่บ้าง55555
เรื่องของเจ้าชายกับยาจกถูกนำไปดัดแปลงทั้งโดยตรงและบางส่วนเยอะแยะมากค่ะ นอกจากเรื่องของบาร์บี้ ก็มีตัวอย่างเช่น • The Parent Trap • It Takes Two • The Prince and the Pauper: The Movie นอกจากนี้ยังเป็นละครเวทีและการ์ตูนสั้นด้วยนะคะ
ถึงจะไม่ได้สร้างจากเรื่องจริง แต่เชื่อว่าเจ้าชายเอ็ดวาร์ดอ้างอิงจากเจ้าชายเอ็ดวาร์ดที่สี่ บุตรของพระเจ้าเฮนรีที่แปดค่ะ เพราะชื่อราชาผู้พ่อและตัวละครทางประวัติศาสตร์ที่มีอยู่จริงปรากฎให้เห็นในเรื่อง การตายของราชาในเรื่องกับพ่อของเอ็ดวาร์ดคือปี 1547 ซึ่งเป็นเซตติ้งของเรื่องด้วย(11)
ส่วนทอม เอ็ดวาร์ดได้มอบตำแหน่ง ‘คนของพระราชา’ ซึ่งตำแหน่งนี้สำคัญและพิเศษมาก ทอมมีตำแหน่งนี้ติดตัวไปตลอดชีวิต ในตอนจบ เอ็ดวาร์ดเสียชีวิตไปก่อนในวัยรุ่น แต่ภายใต้การปกครองของเขา ถือเป็นยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความเมตตา ส่วนทอมอายุยืนจนแก่เฒ่า (10)
เจ้าชายสาบานว่าเมื่อคืนสู่บัลลังก์ ตนจะปกครองโดยความเมตตา แต่เมื่อเจ้าชายประกาศฐานะตัวเองกับกลุ่มโจร นอกจากจะไม่มีใครเชื่อ ยังคิดว่าเอ็ดวาร์ดเป็นบ้า และจัดพิธีราชาภิเษกแบบล้อเลียนให้ด้วย เอ็ดวาร์ดผ่านการผจญภัยมากมาย จนสุดท้ายก็ได้ปรากฎตัวในงานราชาภิเษกของทอมในคราบเจ้าชาย (8)
ทีแรกก็ไม่มีใครเชื่อ แต่เอ็ดวาร์ดได้เปิดเผยที่ซ่อนของผนึกลับ ทำให้ความจริงปรากฎ เอ็ดวาร์ดได้กลายเป็นพระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่สี่แห่งอังกฤษ และได้มอบตำแหน่งเอิร์ลให้กับไมลส์ ทำให้เขาและครอบครัวสามารถนั่งเวลาอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ได้ (9)
แต่เมื่อทอมได้ทำการตัดสินคดี ก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าทอมปกติดี ฝ่ายเอ็ดวาร์ดได้ประสบกับความโหดร้ายและน่าอนาถของชีวิตคนยากจนในอังกฤษ และความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น โดยเฉพาะความทารุณของบทลงโทษ ที่ทำการเผา เฆี่ยน ทรมาณ ทั้งที่หลักฐานไม่ได้เพียงพอกับการเอาผิดเลย (7)
ฝ่ายทอมในร่างเจ้าชาย พยายามอย่างมากในการปรับตัวทั้งในเรื่องมารยาทและการประพฤติตัวของเจ้าชาย แต่ท่าทางที่แปลกไปของเจ้าชายกำมะลอทำให้คนในวังคิดว่าเจ้าชายป่วย และความจำเสื่อม ทุกคนพยายามถามถึง ‘ผนึกลับแห่งอังกฤษ’ ที่หายไปกับเขา แต่เขาก็ตอบไม่ได้ (ผนึกถูกซ่อนไว้โดยเจ้าชายตัวจริง) (6)
เจ้าชายตัดสินใจหนีออกมา และพบกับไมลส์ เฮนดอน ผู้เป็นทหารเพิ่งกลับจากสงคราม ไมลส์ไม่เชื่อว่าเขาคือเจ้าชาย แต่ด้วยความเอ็นดู ก็เลยตกลงจะปกป้องเขา ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวว่าพ่อของเจ้าชายเอ็ดวาร์ดสิ้นพระชนม์ และเจ้าชายจะได้ขึ้นครองราชย์ (5)
แต่เจ้าชายห้ามไว้และชวนทอมเข้าไปในห้องในวังของตัวเอง ทั้งคู่ได้รู้จักกันมากขึ้น ว้าวมากกับที่หน้าเหมือนกันแถมเกิดวันเดียวกัน จึงตัดสินใจสลับตัวกันดูชั่วคราว เจ้าชายในคราบทอม ออกมาจากปราสาทสำเร็จ ได้เดินทางไปยังบ้านแคนตี ที่นั่นเขาได้พบกับพ่อขี้เหล้าของทอมที่พยายามทำร้ายเขา (4)
ทอม แคนตี ลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวยากจนในลอนดอน ฝันอยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมมาตลอดเพราะได้รับการสอนจากนักบวชประจำเมือง วันหนึ่งเขาเดินเล่นอยู่แถวประตูวัง และก็ได้พบกับเจ้าชายเอ็ดวาร์ดที่ 4 แห่งเวลส์ และด้วยความตื่นเต้นทำให้เขาเผลอเข้าใกล้เกินไป จนเกือบโดนทหารเจ้าชายกระทืบ (3)
The Prince and the Pauper เขียนโดย Mark Twain ค่ะ เซตติ้งของเรื่องอยู่ในปี 1547 ในประเทศอังกฤษ โดยตัวเอกของเรื่องคือเด็กหนุ่มสองคนที่เกิดวันเดียวกันและมีหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ คนนึงชื่อ Tom Canty เป็นเด็กยากไร้ที่อาศัยอยู่กับพ่อที่ชอบใช้ความรุนแรง และเจ้าชาย Edward IV (2)
บาร์บี้ตอนเจ้าหญิงกับสาวผู้ยากไร้คงเป็นตอนโปรดของหลายๆคนเลย รู้กันไหมคะว่าต้นฉบับจริงๆเป็น ‘เจ้าชาย’ (The Prince and the Pauper) ล่ะ ความน่าสนใจคือมันถูกเขียนขึ้นเพื่อเสียดสีความไม่เท่าเทียมกันในสังคมอังกฤษสมัยก่อน แถมว่ากันว่าอ้างอิงจากคนที่มีอยู่จริงด้วยนะ มาลองอ่านกันค่ะ (1)
ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะคะ 。•‿•。
ชอบที่มุมซ้ายของปราสาทคือมีห้องนั่งเล่นเล็กๆด้วย เดาว่าเป็นห้องที่มอริสเดินไปเจอ ละก็เป็นห้องที่เบลล์ทำแผลให้อสูรด้วย ส่วนห้องนอนของเบลล์เป็นสีชมพูล่ะ เป็นห้องที่วิวดีที่สุดในปราสาทด้วยนะ 🤍
วันนี้เอาแต่ละห้องในปราสาทอสูรจาก Beauty and the Beast มาให้ดูกันค่ะ 🏰 ของแอเรียลว่าน่าอยู่แล้ว ของอสูรปังมากก จุดสูงสุดของปราสาทเป็นห้องออร์แกน ที่ห้องสมุดมีระเบียงกับกล้องไว้ดูดาว (ของยัยเบลล์แน่ๆ) ละห้องโถงเต้นรำคือใหญ่มากกกก อลังการสุด!
รอเล่มนี้มานานมากกก หนังสือเกี่ยวกับการแต่งกายของคนในยุคกลางล่ะ ทีนี้จะได้วิเคราะห์แฟชั่นของยัยออโรร่าและเจ้าหญิงนิทรากับคนค่อมนอเธอร์ดามสักที 🤍
เป็น opening ของอาร์คที่ทำร้ายจิตใจมาก ฮือ แค่ช็อตแรกก็จะร้องไห้ เกะเอ้ยโตะเอ้ย ㅜㅡㅜ