หน้าต่างนี้คือ South Rose Window ค่ะ ตรงกลางคือพระคริสต์เจ้าล้อมรอบไปด้วยนักบุญและเทพธิดา เจ้า Rose Window นี้มีทางทิศเหนือและตะวันตกด้วย ถ้าใครเคยดูหนังและจำเพลง God Help the Outcasts ได้ มันคือหน้าต่างที่เอสเมอรัลด้ายืนให้แสงส่องนั่นเอง เหมือนพระเจ้ากำลังรับฟังเธออยู่เลย (4)
ครีบยันลอย (Flying Buttresses) นี่ลักษณะสำคัญเลย เป็นส่วนเชื่อมโครงสร้างด้านในและนอกให้สามารถส่งผ่านแรงจากกำแพงด้านในออกมาด้านนอก ว่าง่ายๆคือรูปแบบการสร้างกำแพงซ้อนเพื่อช่วยค้ำจุนตัวตึกให้แข็งแรง นับว่าเป็นวิวัฒนาการที่ก้าวหน้ามาก และทั้งหมดมาจากการลองผิดถูก ไม่ใช่การใช้ทฤษฎี(3)
เพดานโค้งกากบาทแบบมีคิ้ว (Ribbed Vault) ตัว ribbed ที่เป็นซี่ๆไขว้กันบนเพดานคือแกนของหลังคา ซึ่งของ Notre Dame ของจริงจะเป็นลักษณะของ Quadripartite Vault ซึ่งแบ่งหลังคาเป็นสี่ส่วน ในการ์ตูนก็เป๊ะเลย ยุคแรกๆก็มีแค่สี่ แต่ก็มีการเพิ่ม ribbed จนถี่ยิบในยุคหลังๆเพิ่มความแข็งแรง (2)
มาพูดถึงตัววิหารนอเธอร์ดามกันก่อนดีกว่า ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในช่วง ศ.ที่ 12-14 ค่ะ ซึ่งสไตล์สถาปัตยกรรมจะเป็นแนว โกธิค ซึ่งถือว่าเป็นแนวประจำยุคกลางเลยก็ว่าได้ สถาปัตยกรรมแนวโกธิคมีลักษณะเด่นคือมีวงโค้งแหลม (Pointed Arch) ซึ่งทำให้พื้นที่รับแสงได้มากขึ้น ส่งผลให้อาคารสูงขึ้น (1)
ถ้าถามว่าชอบอนิเมชั่นดิสนีย์เรื่องไหนมากที่สุด ก็จะตอบได้ทันทีว่าเป็น The Hunchback of Notre Dame เป็นเรื่องที่อยากให้แมส อยากให้ทุกคนได้ดูมากๆ เธรดนี้เลยอยากมาวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมเจ๋งๆ จากเรื่องนี้ให้อ่านกันค่ะ รู้หรือเปล่าว่าเซตติ้งคือปารีสช่วงปลายยุคกลางด้วยล่ะ
3) เหยื่อของแวมไพร์ ส่วนมากจะเป็นคนในครอบครัว แต่เหยื่อของแดร็คคูล่าคือศัตรูหรือคนทั่วไป 4) ที่มาของแวมไพร์คือจากตำนานนิทานเรื่องเล่า ส่วนแดร็คคูล่าเป็นตัวละครที่อ้างอิงมาจากตำนานแวมไพร์อีกทีนั่นเอง (8)
มาแจกแจงความต่างให้อ่านกันดีกว่าค่ะ 1) แวมไพร์เป็นผีดิบดูดเลือด แต่แดร็คคูล่าคือตัวละครในนิยายเรื่อง ‘แดร็คคูล่า’ ที่มีชีวิต เป็นคน 2) แวมไพร์ต้องดูดเลือดเท่านั้นถึงจะมีชีวิตรอดได้ เลือดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็ได้ แต่แดร็คคูล่าดูดเลือดคนเท่านั้น และไม่กินเลือดก็อยู่ได้ (7)
ใครอยากรู้เรื่องของแวมไพร์แบบเจาะลึก มาอ่านเธรดนี้ได้นะคะ 🤍 twitter.com/arielqueenss/s…
พ่อของวลาดเป็นที่รู้จักกันในนาม แดร็คคูล่า และวลาดก็สืบทอดชื่อนี้มาเช่นกัน แดร็คคูล่าเป็นสิ่งมีชีวิต และการดื่มเลือดก็ไม่ได้จำเป็นต่อการดำรงชีพค่ะ และเมื่อแดร็คคูล่าอยากออกล่า ก็จะล่าคนทั่วไปหรือไม่ก็ศัตรูของตัวเอง (6)
มาถึง ‘แดร็คคูล่า’ กันบ้าง! เขาคือเดอะวันแอนด์โอนลี่ เป็นตัวละครจากนิยายเรื่อง Dracula ของ Bram Stoker ซึ่งว่าด้วยชายคนหนึ่งที่เดินทางไปยังทรานซิเวเนีย ประเทศโรมาเนีย และพำนักที่ปราสาทของเคาท์แดร็คคูล่า หรือ วลาด (ชื่อของเคาท์) ผู้เป็นชนชั้นสูง และเป็นแวมไพร์ (5)
และแวมไพร์ก็ไม่สามารถเข้าใกล้สถานที่ทางศาสนาได้ รวมไปถึงเข้าใกล้น้ำจากแหล่งบริสุทธิ์ด้วย (เพราะเชื่อว่าน้ำคือสิ่งศักดิ์สิทธ์ และสายน้ำยังเป็นตัวแบ่งอาณาเขตของแวมไพร์อีกด้วย) วิธีกำจัดแวมไพร์เพียงหนึ่งเดียวคือการแทงทะลุที่หัวใจ (4)
ในตำนานทางยุโรป ก็มีเรื่องเล่าว่าแวมไพร์จะกลับมาเยี่ยมคนที่พวกเขารักครั้งเป็นคน ทำให้บริเวณนั้นมีคนตาย ลักษณะของแวมไพร์จะผิวสีแดงไม่ก็คล้ำ (ขัดกับแวมไพร์ที่เราเคยเห็นกันในหนังเลย) พลังวิเศษที่คุ้นเคยก็เช่น พละกำลังแข็งแกร่ง สามารถสะกดจิตเหยื่อได้ บ้างก็แปลงเป็นค้างคาวได้ (2)
แวมไพร์จะไม่มีเงา มองไม่เห็นเงาสะท้อนในกระจก และในหลายๆทีก็มักจะถูกโยงเข้ากับปราสาทหรือพวกขุนนาง เชื่อว่าสิ่งที่กันแวมไพร์ได้คือกระเทียม เมล็ดต้นมัสตาร์ด กุหลาบป่า พืชฮอธอร์น น้ำมนตร์ ไม้กางเขน และลูกประคำ (3)
มาเริ่มจากอะไรคือ ‘แวมไพร์’ กันก่อน พวกเขาคือสิ่ง (ไม่) มีชีวิตในตำนานที่ดูดเลือดคนในครอบครัว ออกหากินยามกลางคืน (เพราะไม่มีพลังเวลากลางวัน) และจะดูดเลือดโดยใช้เขี้ยว โดยเหยื่อที่ถูกดูดเลือดก็จะตายและกลายเป็นแวมไพร์ (1)
ตกลงแล้ว “แวมไพร์” กับ “แดร็คคูล่า” ต่างกันหรือเหมือนกันยังไง เคยสับสนไหมคะ เธรดนี้จะมาแนะนำสิ่งมีชีวิตทั้งสองประเภทนี้ให้รู้จักกันค่ะ (เผื่อถ้าเจอจะได้รู้ว่าเป็นใครและรับมือได้ถูกวิธี) 🧛🏻
เจ้าชายตัวน้อยกับเหล่าเจ้าหญิง น่ารักที่สุดเลยเพคะ ㅜㅡㅜ 🤍
before after (เป็นแอเรียลแล้วจริงๆนะ)
ชุดงานเลี้ยงกลางคืนของสาวๆฝรั่งเศสในปี 1894 ออกแบบโดยห้องเสื้อ House of Worth ล่ะ สวยมากกกก
จะเขียนเธรดเกี่ยวกับตัวละครดิสนีย์ พวกฟันแฟคสนุกๆ ประวัติ รายละเอียดน่าสนใจ แบบเจาะลึกเป็นคนๆไปเลย แต่ด้วยว่ามันมีตัวละครเยอะมากเลยเลือกเขียนไม่ถูก เลยจะมาขอให้ช่วยเลือกกัน อยากอ่านของใครบ้างไหมคะะะะะ 🪄
คิดถึงตอนอยู่อ๊อกซ์ฟอร์ด (อีกแล้ว) ทุกวันศุกร์เรากับเพื่อนจะชอบไปตรง Radcliffe Camera ที่เป็นห้องสมุดปิด (สร้างสมัยศ.ที่ 18) เพราะใกล้ๆจะเป็นคาเฟ่เล็กๆในโบสถ์ที่ขายสโคนที่อร่อยที่สุดในโลกอยู่ 🥺 กินกับช็อคโกแลทร้อนคือที่สุด แถมมีเค้กกับอาหารขายด้วย นั่งอ่านหนังสือลืมเวลาเลย
ช่วงนั้นสาวๆใส่คริโนไลน์กันด้วย กระโปรงบานๆฟูๆแบบนั้นเป๊ะเลย ชอบมาก 💓 แล้วชุดที่คุณเค้าออกแบบมาคือแมทช์กับไทม์ไลน์ที่นี่วิเคราะห์ว่าเป็นเซตติ้งของการ์ตูน The Little Mermaid ด้วยนะ ยัยแอเรียลในชีวิตจริงก็ต้องใส่ชุดอารมณ์ประมาณนี้ล่ะ
ชุดสีชมพูของแอเรียลเวอร์ชั่นสาวชนชั้นสูงในช่วงปี 1860s ล่ะ ㅜㅡㅜ สวยอลังมากกก จินตนาการภาพว่าตัวเองใส่ชุดนี้ไปงานเลี้ยงหัวค่ำสิ โอ่ย เจ้าหญิงยืนหนึ่ง ไม่มีใครละสายตาไปจากชั้นได้แน่ๆ (credit to @/revancosplays 🤍)
คอร์ส 5: จานสลัด (ที่นิยมยุคนั้นก็จะเป็น iceberg lettuce ราดด้วยน้ำสลัดมายองเนสหรือน้ำมัน ผสมกับน้ำส้มสายชู คู่กับชีส) คอร์ส 6: ของหวาน (ในภาพตัวอย่างคือสตรอว์เบอร์รีเชอร์เบท) คอร์ส 7: กาแฟ (พร้อมกับผลวอลนัทและผลไม้แช่อิ่ม)
มีตัวอย่างอาหาร 7 คอร์สสไตล์วิคตอเรียนมาฝากค่ะ คอร์ส 1: หอยนางรม คอร์ส 2: ซุป (Soup a la Reine หรือ ซุปโปรดของราชินี, Mock Turtle) คอร์ส 3: จานปลา (Lobster Newberg) คอร์ส 4: จานเนื้อ/ อาหารจานหลัก (Beef Collops au Bordelaise)
ขอเรื่อง Afternoon Tea อีกนิด (ติดใจ555) หญิงที่เป็นผู้จัดงานจะมีสาวใช้ติดตาม 1-2 คน ซึ่งพวกเธอมีหน้าที่เก็บจาน ถ้วย ทำให้โต๊ะสะอาดอยู่เสมอ (จะทานขนมจากชั้นบนลงชั้นล่าง โดยทานชั้นไหนเสร็จ ถาดชั้นนั้นจะถูกถอดออก) และในการเทชา/ช็อคโกแลท ผู้เทจะต้องเป็นเจ้าของงานค่ะ (11)