bongtao(@bongtao)さんの人気ツイート(古い順)

1151
สิ่งที่ปีนี้ลองทำคือการจดบันทึกการดื่มน้ำระหว่างวัน จริงๆไม่ต้องใช้แอพเพิ่มเติมเลย สามารถทำจาก shortcut ของ iOS แล้วตั้งเป็น widget เพื่อส่งข้อมูลเข้าแอพ health ได้เลย เติมน้ำทีก็ log ทีนึง (เราใช้ tumbler ขนาด 500 ml ก็จะจดเพิ่มทีละ 500 ml)
1152
โควิดเวฟนี้ กวาดเรียบจริงๆ
1153
สัปดาห์นี้ Director ลาพักร้อน แต่ก่อนลาได้ assign พนักงานเฉพาะกิจคอยตรวจงานลูกน้องอย่างใกล้ชิดครับ ใกล้ชิดแบบอีกนิดก็จะลงไปนอนทับคีย์บอร์ดแล้ว
1154
อยู่ออฟฟิศนี้มาสี่ปีกว่า แต่เพิ่งรู้ว่าร้านตามสั่งแถวออฟฟิศทำข้าวผัดอเมริกันอร่อยมาก ร้านบ้านๆ นี่แหละ ไก่ทอดโคตรดี จานนี้ 85 บาท (ร้านทับทิม บรรทัดทอง ร้านนี้ทำจานผัดอร่อยทุกอย่าง ผัดไทยมีเฉพาะวันศุกร์)
1155
พบว่า น้ำหอมกับ cocktail มีสิ่งนึงที่คล้ายกัน คือ แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน จะมีเบสและโน้ตที่ชอบเป็นของตัวเอง อร่อยของเรา คนอื่นอาจจะไม่อร่อย อันไหนที่หอมของเรา คนอื่นอาจจะไม่หอม
1156
สิ่งนึงที่ไม่มีสอนในมหาลัย และตอนทำงานจริงก็มักจะไม่ได้มีรุ่นพี่มานั่งสอนจริงๆจัง คือเรื่องการจัดระเบียบ files การตั้งชื่อ files ในเครื่อง เป็นเรื่องที่แต่ละคนก็สไตล์ไม่เหมือนกัน ที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือครูพักลักจำล้วนๆ เคยเห็นของคนอื่นทำแล้วดีก็ทำตาม แล้วปรับตามสไตล์ตัวเอง
1157
เดี๋ยวนี้ community ของคนที่สะสมไมล์สายการบิน สะสมแต้มบัตรเครดิตในเมืองไทยใหญ่และแข็งแรงขึ้นเยอะ มีคนเก่งที่แชร์เทคนิค และช่วยคำนวณเพื่อ maximize benefits ตลอด เป็นกรุ๊ปที่ได้ประโยชน์เยอะมาก
1158
เพิ่งเห็นว่า Twitter handle ของการทางพิเศษฯ ใช้คำว่า "webmaster" อะ ไม่ได้ยินคนใช้คำนี้มานานมาก เป็นคำที่ทำให้นึกถึงยุคอารยธรรม Exteen
1159
แอพ K Plus ส่งโนติมา Happy Birthday ตอนเช้า ด้วยความสงสัยก็คลิกเข้าไปดูว่ามันจะไป landing page ตรงไหน ปรากฏว่ามันพาไปที่หน้าบริจาค โคตรดี เพราะตั้งใจอยู่แล้วว่าอยากไปบริจาคมูลนิธิ เป็น UX ที่ประทับใจ
1160
เอาล่ะ ANA ลงราคามาฟาดป้าม่วงแล้ว ราคาพอกันเลย ถ้าใครจะไปญี่ปุ่น ลองเทียบราคา ถ้าไฟลท์เวลาเดียวกัน ราคาไม่ต่างกัน เลือก ANA เลยครับ อาหารดีกว่ามากกกกก
1161
ถ้าทวิตเตอร์ล่ม ไปตามหาเราได้ที่ excel นะทุกคน คือยังทำงานไม่เสร็จ T___T /me ผูกสูตรโชว์
1162
หนึ่งในตำนานการล่มสลายของแบรนด์ที่เคยยิ่งใหญ่ครองโลกได้ เป็น case study คลาสสิกของ Business school คือเคสการล่มสลายของ Nokia บางคนบอกว่า iPhone คือสิ่งที่ฆ่า Nokia แต่บางคนมองว่าสิ่งที่ฆ่า Nokia ก็คือ Nokia เองนั่นแหละ 🧵 เธรดนี้จะเล่าเรื่องราวการพังทลายของ Nokia ในยุคนั้นครับ
1163
Nokia เป็นแบรนด์จากประเทศฟินแลนด์ ในยุครุ่งเรืองสุดๆคือประมาณปี 1995-2007 ซึ่ง market share สูงสุดที่ Nokia เคยทำได้คือประมาณ 50% ของตลาดมือถือทั้งโลก เป็นแบรนด์แห่งความภูมิใจของฟินแลนด์ ชนิดที่ว่า annual budget ของ Nokia เป็นเงินที่เยอะกว่างบประมาณของรัฐบาลฟินแลนด์ซะอีก
1164
ในยุคนั้น มือถือเป็นเทคโนโลยีที่ hardware ยังมีบทบาทมากกว่า software หรือ operating system (OS) อยู่มาก จะเห็นว่ามือถือของ Nokia มีดีไซน์ที่หลากหลายกว่ามือถือยุคนี้มาก ทั้งขนาดหน้าจอ ปุ่มต่างๆ ซึ่งระบบ OS ของ Nokia คือ Symbian ซึ่ง Symbian นี่แหละคือฉนวนแห่งความบรรลัยของ Nokia
1165
ใครที่ทันยุครุ่งเรือง น่าจะพอจำได้ว่า product portfolio ของ Nokia นั้นแข็งแรงและชัดเจนมาก เช่น รุ่น 3xxx จะเป็นรุ่น mass สีสันสดใส ใช้งานทนถึก เช่น 3310 ในตำนาน หรือรุ่น 8xxx จะเป็นซีรี่ส์ไฮโซ เช่น 8250 รุ่นผีเสื้อจอฟ้า ที่โคตรแพงในตอนนั้นแต่ก็ขายดีมากๆ ใครใช้คือโคตรเท่
1166
พอปี 2007 ที่ Apple เปิดตัว iPhone โลกได้รู้จักสิ่งที่เรียกว่า smart phone เป็นครั้งแรก ถ้าใครจำได้ ใน keynote ครั้งนั้น สตีฟ จ๊อปส์คาดหวังว่าปีแรกของ iPhone จะกิน market share ของตลาดมือถือทั้งโลกแค่ 1% เท่านั้นเองนะครับ (นับว่าถ่อมตัวมากในวันที่ Nokia ได้ไปเกือบ 50%)
1167
เพราะ Symbian นั้นเป็นระบบปฏิบัติการที่ device-centric คือไม่ได้เป็นระบบที่ออกแบบให้ยืดหยุ่นใช้ได้กับมือถือทุกรุ่น แต่ต้องมีเวอร์ชั่นต่างกันสำหรับมือถือแต่ละรุ่น ซึ่งความรุ่งเรืองของ Nokia ทำให้มีรุ่นมือถือออกมามหาศาล ผลที่ตามมาคือ Symbian ก็มีมากกว่า 50+ เวอร์ชั่นในเวลาเดียวกัน
1168
แต่สิ่งที่ iPhone และ Android ที่เข้ามาร่วมวงในตลาด smart phone ทำให้ตลาดมือถือเปลี่ยนไปคือการทำให้ smart phone เป็นเทคโนโลยีที่เป็นการทำงานร่วมกันของ hardware และ software (OS) ซึ่ง iOS และ Android นั้นมีความเป็น platform-centric มากกว่า Symbian ของ Nokia มาก
1169
ซึ่งระบบปฏิบัติการหรือ OS นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างกันในเวลาอันสั้น พอตลาด smart phone เริ่มเติบโตและแย่ง market share ของ Nokia ปัญหาใหญ่สุดของ Nokia คือการไม่สามารถสร้าง OS ใหม่ที่จะมาต่อกรกับ iPhone และ Android ได้ทันในเวลาอันสั้น ยอดขายจึงค่อยๆดิ่งลงตั้งแต่นั้นมา
1170
มาถึงตรงนี้ เราจะรู้สึกว่า ก็นี่ไง! smart phone คือคนฆ่า Nokia แต่จริงๆแล้ว Nokia เองก็เล่นเกมนี่พลาดในหลายเรื่องครับ เพราะตอนที่ iPhone ออกมา Nokia ยังมองว่า มือถือที่ไม่มีปุ่มนั้นไม่เวิร์กหรอก และหน้าจอใหญ่ๆนั้นก็เปลืองแบตเกินไป เวลาผ่านมาสิบกว่าปี เรารู้แล้วว่าใครที่คิดผิด
1171
Nokia เริ่มรู้ตัวแล้วว่า ตลาดเปลี่ยนไป แต่แก้เกมไม่ทันแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนั้นคือ กูต้องศรัทธาใน Symbian ของกูนี่แหละ เหมือนเป็นอาวุธเดียวที่มีอยู่ในตอนนี้ ถ้าไม่เชื่อใน Symbian ก็คงไม่เหลืออะไรให้เชื่ออีกแล้ว Nokia จึงเริ่มทำมือถือมาสู้กับ iPhone ด้วยระบบ Symbian นี่แหละ
1172
ความพยายามของ Nokia ที่จะสู้กับ iPhone ในช่วงแรกด้วยการออกมือถือจอสัมผัสเช่น รุ่น 5800 หรือรุ่น N97 (แน่นอนว่า OS ยังคงเป็น Symbian) ซึ่งจริงๆในแง่การตอบรับก็ยังพอขายได้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งทิศทางตลาดที่เปลี่ยนไป หรือโค่นล้มไอโฟนลงได้
1173
ความล้มเหลวของ Nokia นั้นจริงๆมาจากเรื่องภายในองค์กรด้วย ทั้งการติดกับดักความสำเร็จในอดีต ความผิดพลาดของการปรับผังองค์กร และวัฒนธรรมองค์กรที่ขัดขวาง innovation บทความนี้ของ INSEAD เล่าเรื่องหลังบ้านไว้เยอะเลยครับ ว่า Nokia นี่แหละที่ฆ่าตัวเอง knowledge.insead.edu/strategy/who-k…
1174
เวลาผ่านไปหลายปี Nokia ถึงยอมรับว่าได้ว่าตัวเองไม่สามารถพลิกเกมกลับไปชนะได้แล้ว จึงยอมจับมือกับ Microsoft เพื่อใช้ Windows Phone OS ในปี 2011 และ ลงเองด้วย Microsoft ซื้อกิจการโทรศัพท์มือถือของ Nokia ในปี 2013 โดยมูลค่าบริษัท Nokia ลดลงไปกว่า 96% ภายในเวลาไม่ถึงสิบปี
1175
ปัจจุบัน Nokia ผันตัวเองมาทำธุรกิจให้บริการด้านโครงสร้างเครือข่าย (Network Infrastructure Provider) ผ่านการรื้อโครงสร้างองค์กร ถ่ายเลือดครั้งใหญ่ทั้งระดับผู้บริหารและคนทำงาน โดยสามารถ turnaround ได้สำเร็จและมูลค่าบริษัทกลับมาโต 5 เท่าภายใน 5 ปีครับ bcg.com/en-br/publicat… จบ.