(mook/dapa)(@mdpyy)さんの人気ツイート(いいね順)

1
ไม่อยากเป็นอะไรแล้ว ขอเป็นคนธรรมดาที่มีความสุข มีเงินใช้ดูแลสุขภาพตัวเอง ซื้อของแต่งบ้าน เลี้ยงหมาแมว มีเวลาพอจะอ่านหนังสือกับดูซีรี่ส์ที่ตัวเองชอบ มีโอกาสได้เดินทางเท่าที่เป็นไปได้ ที่เหลือค่อยว่ากัน
2
คุณรู้ว่ากรุงเทพเป็นเมืองที่ปราศจากพื้นที่สาธารณะในชีวิตประจำวันจริงๆ ก็ตอนที่เดินๆ อยู่แล้วบังเอิญเจอห้องสมุดประชาชนขนาดเล็ก แล้วก็ต้องประหลาดใจปนตื่นเต้น รู้สึกเหมือนเจอ hidden gem กลางเมือง ฯลฯ ความใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่โตด้วยทุนมาตลอดอะเนอะ เล็กน้อยแค่นี้ก็ดีใจจะแย่ 😔
3
เอาไปสอนต่อเลย ปิตาธิปไตยที่แฝงอยู่ในโครงสร้างสังคมเป็นยังไง ไปดูกฎหมาย นอกจากจะเชิดชูรักต่างเพศแบบไม่อ้อมค้อม รัฐยังมองผู้หญิงเป็นเครื่องจักรผลิตลูก เกิดมาเพื่อสืบพันธุ์และเป็นแม่ในครอบครัว มากกว่าจะเป็นมนุษย์ที่มีเสรีภาพ มีเจตจำนงมากกว่าแค่สนองตอบหน้าที่สืบพันธุ์ตามธรรมชาติ
4
สังคมนี้ถามผญง่ายเกินไปว่า "แล้วทำไมไม่เลิก ทำไมไม่เดินออกมาจาก abusive/toxic relationship" เหมือนกับลืมไปว่านั่นก็เป็นวิธีโทษเหยื่อแบบหนึ่ง จริงๆ ปัจจัยรายล้อมที่ทำให้คนคนหนึ่งออกมาจากคสพ.ใดๆ ไม่ได้ เป็นความรุนแรงที่มองไม่เห็น ซึ่งมักเรื้อรังและไม่ได้ปักหมุดความเสียหายได้เสมอไป
5
ไม่ได้มาสยามนานมาก กลับมาอีกที ทำไมมันดูกลายเป็น a shell without a soul ไปแล้ว มีแต่ตึกของนายทุนขึ้น ที่โดนไล่ทุบ ร้านเล็กๆ ที่รู้จักทยอยปิดไม่ก็ย้ายออกไป นี่คือย่ายที่ได้ชื่อว่าเป็นไข่แดงของกรุงเทพฯ เหรอ เป็นพื้นที่ที่กลวงเปล่ามากเลย
6
ล่าสุดเจอวลี “ขมแต่ไม่คาย” เฮ้ย ชอบว่ะ เหมาะกับมนุษย์ heavy angst อย่างชั้น ชอบดีนักแหละอะไรหนักๆ ขยี้ตับเข้าไป แต่ถามว่าอ่านมั้ย อ่าน อ่านอีก ก็ร้องไห้ให้น้ำตาชุ่มหมอนไปเลยสิคะ
7
ความน่ากลัวของทุนนิยมคือมันทำให้คนวิสัยทัศน์แคบลง มองว่าทุกอย่างต้องตอบสนอง ตีค่า และผลิตซ้ำออกมาเป็นเงินได้เท่านั้น ทั้งที่จริง ๆ โลกใบนี้มีคุณค่าแบบอื่นที่ไม่ได้ยึดโยงอยู่กับทุนอีกมาก ถ้าคุณมองแต่เรื่องกำไรขาดทุน คุณก็จะไม่เห็นมิติพวกนี้เลย แถมยังไปด้อยค่าคุณค่าเหล่านั้นอีก
8
โพสต์ของเพจมนุษย์กรุงเทพฯ เรื่องโดนลวนลามใน MRT คือรู้สึกขอบคุณคนเล่ามากๆ ที่พูดถึงเรื่องการดำเนินคดี พอเรื่องไปถึงชั้นศาลมักจะชอบมีคนมาบอกให้ไกล่เกลี่ย แล้วถ้าเราไม่ทำนั่นกลายเป็นว่าเราใจดำอีก? (victim-blaming all the way) ทั้งที่จริงๆ คนฟ้องก็เหนื่อยทั้งกายใจเหมือนกันไง
9
สรุป #สมรสเท่าเทียม วันนี้ ไม่ได้ลุ้นด้วยซ้ำ ญัตติมาไม่ถึง อภิปรายลากยาวกัญชากัญชงตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น สุราก้าวไกลมาต่อถึงสองทุ่มก็หมดวันแล้ว ชาติเปรตหน้าไหนที่รู้อยู่แก่ใจ พยายามถ่วงเวลา ขอให้รู้ไว้เลยว่ากำลังย่ำยีสิทธิมนุษยชน และเป็นตัวถ่วงคุณภาพชีวิตของคนอีกเป็นล้าน
10
“แช่งใครให้ตายก็ไม่ดีทั้งนั้น” เรื่องจริยศาสตร์ไว้ไปถกในวงปรัชญาได้ แต่ในชีวิตจริงคือเราไม่ได้อยู่ในสุญญากาศของพลวัตทางอำนาจและความรู้สึก ความโกรธเกลียดที่เกิดขึ้นเป็นของจริง อำนาจชี้เป็นชี้ตายที่ตกกระทบถึงเราก็เป็นของจริง ความหดหู่ขั้นสุดคือเราทำไรมากกว่าแช่งไม่ได้แล้วเลยต่างหาก
11
เราคุยเรื่องนี้กันได้รึยัง กรณีไอดอลผู้หญิงที่โดนแอนตี้รุนแรงเนี่ยเป็นผลพวงของ internalised misogyny/sexism ชัดเจน มันไม่ได้หยุดอยู่แค่ความไม่ชอบ แต่อคติก่อตัวเป็นเนื้อร้ายชัดเจนจากการทำเพจ ตัดต่อรูป ลามมาถึงตัดต่อหมายศาลก่อความเสียหายให้เจ้าตัวโดยตรง ไหนจะผลกระทบทางจิตใจอีก
12
คนที่บอกว่าทุกวันนี้ผู้หญิงมีโอกาสเท่ากับผู้ชายแล้ว พวกเฟมไม่ต้องเรียกร้องเรื่องความเท่าเทียมแล้ว คือเห็นอะไรแค่เปลือกนอกมาก ทั้งที่ความรุนแรงจากภาพจำทางเพศที่มองไม่เห็นหลายอย่างยังลอยวนอยู่ในชีวิตเราทุกวันนี้อยู่เลย ละมันตัดโอกาส บั่นทอนจิตใจของผญหลายคนมาก เล่าจากประสบการณ์ตรง
13
ยังคงยืนยันว่าสิ่งหนึ่งที่รังเกียจที่สุดในชีวิตและจะรังเกียจตลอดไปคือการใช้เหตุผลวิบัติแบบ ad hominem ในบทสนทนา คือโจมตีและพูดจา discredit คนพูด เพื่อเบี่ยงประเด็นออกจากเรื่องสำคัญที่กำลังคุยกันอยู่ เป็นอะไรที่สะท้อนสติปัญญาซึ่งไร้สำนึกคิด หยาบคาย และไม่ professional ที่สุดในโลก
14
เมื่อไหร่ที่เริ่มมองไม่เห็นความเป็นคนเพราะมัวแต่สนใจภาพใหญ่ของอุดมการณ์ เมื่อนั้นแหละที่คุณจะเริ่มสูญเสีย empathy และไม่อาจพูดได้อย่างเต็มปากอีกต่อไปว่ากำลังต่อสู้เพื่อ "ทุกคนในสังคม" เพราะใครล่ะคือทุกคนที่ว่า ถ้าไม่ใช่คนที่คุณมองข้ามความเป็นคนของเขาไปตั้งแต่แรกแล้ว
15
เพิ่งได้ดูเอ็มวี แล้วก็รู้สึกว่า อืม คนคิดคอนเซปต์สอบตก นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเวลาจะทำสื่อแมส แต่ลืมทำการบ้านรีเสิร์ช socio-political context ขององค์ประกอบที่หยิบฉวยมาใช้ (เผลอๆ พ่วง cultural sensitivity ด้วย) ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้เลย แต่คำถามคือจะใช้อย่างมี awareness ยังไงมากกว่า
16
นี่เวลาได้ยินคำว่าเออ เดี๋ยวคนรุ่นใหม่อย่างเราๆ จะขยับตัวมาเปลี่ยนแปลงสังคม ก็ question ว่าเมื่อไหร่วะ แล้วต้องเริ่มยังไง แต่ล่าสุดที่ได้ประจักษ์กับตัวเองแล้วคือพี่ที่รู้จักติดต่อมาให้ช่วยไปบรีฟเรื่องเจนเด้อให้แคนดิเดตชื่อดังพรรคฝั่งสามกีบคนนึง (ถ้าบอกชื่อทุกคนน่าจะรู้จักแหละ)
17
@p2asp3as ห้องสมุดประชาชนแสงอรุณค่า ลองเสิร์ชว่า Baan Plan Cafe ในแมพดู อยู่ในซอยสาทร 10 ลงบีทีเอสเซนต์หลุยส์ได้ค่ะ 🤍
18
ตั้งแต่ดูอินโฟมา มีอันนี้แหละที่ทำค่อนข้างตรงกับเนื้อหาในตัวร่างจริง ๆ โดยเฉพาะตรงพื้นที่สีเทาที่ในคู่ชีวิตเขียนว่าให้บังคับใช้ตามปพพโดยอนุโลม ไม่ใช่ไม่ให้เลย (ซึ่งเข้าใจว่าก็มีความคลุมเครือในการตีความอยู่อีก) เพราะงั้นถ้าไหน ๆ จะปลดล็อค ทำไมไม่ทำให้เป็น #สมรสเท่าเทียม ไปเลย twitter.com/bkksnow/status…
19
ใดๆ คือ ดราม่าเรื่องสิวทำให้กลับไปนึกถึง bell hooks อีกแล้ว ถ้าพูดถึงเรื่องตลาดความงามกับสังคมชายเป็นใหญ่นี่เรียกแขกแล้ว อ่านของ hooks ที่เจอพ่วงเรื่อง race, imperialism, white supremacy นี่ไม่อกแตกไปเลยเหรอ ใดๆ คือคิดถึงฮุคส์ เขียนไว้งดงามมากบทนี้ ชื่อ Writing Beyond Race
20
การแปะป้ายว่าทวิตน่ากลัว มีแต่คนปสด เฟมทวิตก็ปสด ฯลฯ พวกนี้แปลว่าไม่ได้เข้าใจจริงๆ ว่า constructive criticism คืออะไร แถมยังปิดกั้นพื้นที่ให้คนได้ถกกัน นี่คืออาการของการมองไม่เห็นความรุนแรง แต่คิดไปเองว่าตัวเองเป็นเหยื่อตลอดเวลาเพราะชิงมองคนอื่นเป็นพวกปสดไปแล้วอยู่ตลอด
21
บางทีการที่คุณตลกกับบางอย่างแล้วคนอื่นไม่ตลกไปด้วย อาจเป็นเพราะคุณใช้ชีวิตอยู่ใต้ร่มเงาของ privilege มาตลอด (ใช่ คุณเกิดมาโชคดีบนลู่วิ่งที่เรียกว่าโครงสร้างทางสังคม) จนไม่เคยได้รับรู้ว่าคนอื่นต้องเดือดร้อน ทุกข์ทน หรือเจออะไรแย่ๆ มาบ้าง แค่จำไว้เท่านี้ก็พอถ้าอย่างอื่นมันยากเกินไป
22
(ขออนุญาตจขทว. ค่ะ) พูดเป็นเล่นไป มีผช.คนนึงที่เคยคุยเรื่องนี้ด้วย เขาสนับสนุนเรื่องสวัสดิการผ้าอนามัยนะ แต่เหตุผลเบื้องหลังคือเพราะเขาคิดจริงๆ ว่าผู้หญิงต้องใส่ผ้าอนามัยตลอดเวลา 😨 เอาเป็นว่าที่แน่ๆ สุขศึกษาบ้านเราล้มเหลวมาก twitter.com/septamberwish/…
23
เออ เมื่อกี้อ่านในเธรดนึงแล้วชอบมาก ที่หลายคนสนับสนุนแคสต์แอเรียลไม่ได้แปลว่าจะเห็นดีเห็นงามหรือสนับสนุนดิสนีย์ ในฐานะนายทุนหน้าเลือด บริษัทหนูผีนี่มีให้ด่าหลายอย่าง แต่คุณค่าที่เราอยากส่งต่อให้เด็ก ๆ ก็ยังมีอยู่ โดยเฉพาะการได้เห็นแคสต์ที่หลากหลายขึ้น
24
กุหมดคำจะพูดกับศาลประเทศนี้เหลือเกิน อิสัส ตุลาการเช่นนี้อย่ามีเลย
25
เห็นเรื่องโทษผู้หญิงที่ไม่พาตัวเองออกจากความรุนแรงในครัวเรือนแล้วนึกถึงประโยคใน F99 ที่ว่า “ผู้หญิงหลายคนแทบไม่สามารถก้าวขาออกมาจากความสัมพันธ์ได้เลย เพราะยังต้องพึ่งพาสามีที่ได้รับค่าแรงมากกว่าตน สภาวะติดแหง็กเช่นนี้สูบเลือดเนื้อและลดทอนอำนาจต่อรองของบรรดาผู้หญิงในบ้านลง”