สถานที่ที่คนรวยนิยมไปเมากันไม่ใช่ทีผับบาร์ แต่เป็น the Royal College of Surgeons ค่ะ แต่โชว์แกะศพเริ่มครั้งแรกในปี 1834 ที่ London anthropology museum  ซึ่งตั๋วขายหมดเกลี้ยง มัมมี่หญิงถูกวางในเครื่องมือที่ทำให้เหมือนเธอกำลังเต้นและยังมีชีวิตอยู่ ขณะค่อยๆแกะผ้าออกจากตัว (1)
ที่ประเทศจีนช่วงปี 536 มีปรากฎการณ์เถ้าสีเหลืองประหลาดร่วงลงมาจากฟ้า ซึ่งไม่มีบันทึกว่าคืออะไร แต่สามารถกอบกำได้เต็มมือ ถัดมาก็ยังมีหิมะตกในฤดูร้อน ซึ่งทำให้เพาะปลูกไม่ขึ้น และประชาชนล้มตายเพราะอดอยากถึง 70-80% เหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นในเมโสโปเตเมีย บันทึกว่า ‘หนาวจนนกตาย’ (4)
ที่บางพื้นที่ในอังกฤษ ผู้คนจะตรวจสอบ ‘หัวใจ’ ของศพว่ามีเลือดอยู่ไหม ถ้ามีล่ะก็ เป็นแวมไพร์แน่นอน วิธีคือนำหัวใจนั้นไปเผาค่ะ และสมาชิกในครอบครัวจะสูดดมควันเข้าไปเพื่อป้องกันโรค (บางครอบครัวกินเถ้าเข้าไปก็มี) ส่วนในยุโรป จะขุดศพขึ้นมาเผาบ้าง แทงทะลุหัวใจบ้าง (6)
อย่างที่บอกว่ามันมืดมากๆ ซึ่งพอมืด ทุกอย่างก็พินาศ เพราะเพาะปลูกไม่ขึ้นเลย อุณหภูมิโลกลดลงประมาณ 1.6-2.5 องศา ทำให้อารยธรรมต่างๆรอบโลกลำบากกับการผลิตอาหารเพื่อการอยู่รอด ซึ่งความขาดแคลนนี้กระจายตัวจากยุโรปไปถึงเอเชีย รวมกับภูเขาไฟระเบิด ยิ่งทำให้อากาศแย่ลง (3)
คนที่ติดโผก็มี Johnny Depp, Hugh Jackman, Brad Pitt, David Beckham, Gene Kelly และอื่นๆอีกเพียบบบบ ยูจีนเลยการันตีความหล่อเลย5555555
การดัดขนคิ้วเป็นหนึ่งในเทรนด์ทำสวยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เชื่อว่าต้นกำเนิดอาจมาจากแถบเอเชียและตะวันออกกลาง เช่น สำหรับสาวๆเปอร์เซีย การจัดทรงคิ้วคือเครื่องหมายการเป็นผู้ใหญ่ โดยจะใช้เส้นใยฝ้ายขมวดปม ทำให้ขนคิ้วหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย (1)
ข่าวการเสียชีวิต ถึงจะถูกแพร่ออกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่นับว่า ‘เป็นทางการ’ จนกว่าจะมีกระดาษประกาศติดอยู่หน้าพระราชวังบัคกิ้งแฮม ซึ่งคนที่ไปติดก็คือหนึ่งในทหารในวัง (3)
ถ้าเป็นทหารในยุคโรมัน จะทำอะไรกับทาสก็ทำเลยค่ะ คือถ้าทหารไปยังเมืองต่างแดน จะไปยึด ค่าตอบแทนที่ได้แทนที่จะเป็นเงินคือการปล้นการยึดมาจากผู้แพ้ ทั้งอาหาร ศิลปะ แน่นอนว่าผู้คนก็ด้วย จะกลายเป็นทาสทันที ในสายตาพวกเขาคือทำอะไรก็ได้เลย และไม่มีใครมายุ่งด้วย (10)
ส่วนสวนในพระราชวังมีความใหญ่ถึง 40 เอเคอร์ เต็มไปด้วยดอกไม้ป่าอังกฤษกว่า 300 สายพันธุ์ ต้นไม้ 150 ต้น นกอีก 30 สปีชีส์ และอื่นๆ ทะเลสาบในนั้นกินพื้นที่ 3 เอเคอร์แถมยังมีเกาะเล็กๆตรงกลาง ซึ่งบนเกาะนั้นจะมีผึ้งจากอิตาลี เพราะควีนชอบกินน้ำผึ้งออร์แกนิค มีคอร์ทเทนนิสด้วยนะ (7)
แกตอนซาวด์แทร็ค Part of your world ขึ้นคือนี่น้ำตาคลอ ขนลุก มันแบบ ปริ่มมากอะ ฮือ นี่แหละเพลงโปรดของเรา ทั้งขลังทั้งอลังการเลย
แน่นอนว่าถ้าไปขึ้นเครื่องบินยุคนั้น เราจะเจอแต่คนขาวเต็มไปหมด เพราะราคาตั๋วที่แพง และความต่างของฐานะระหว่างคนขาวและคนผิวสี รวมถึงสมัยนั้นบางสายการบินมีการใช้โอเปอเรเตอร์รับสายการจองตั๋วที่จะแยกแยะสำเนียงคนขาวกับคนดำ ถ้าคนดำโทรมาก็จะแยกให้ไปอีกไฟล์ทนึง 😕 (12)
• ประโยค “tie the knot” (แปลตรงตัวว่าผูกปม) ทำไมถึงหมายถึงการแต่งงาน? ประโยคนี้ย้อนไปในยุคกลางเช่นกัน ชาวเซลติกโบราณมีประเพณีผูกผ้าให้เป็นปมเชื่อมข้อมือของบ่าวสาวเข้าด้วยกันในขณะกล่าวคำสาบาน ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีการทำอยู่ และจะต้องทำในสถานที่เปิด ท่ามกลางธรรมชาติ (3)
เมื่อก่อนที่นี่เป็นบ้าน แต่ได้ถูกทำให้กลายมาเป็นวังช่วงกลางศ.ที่ 18 โดยพระเจ้าจอร์จที่สี่ ซึ่งการต่อเติมบูรณะในแต่ละครั้งก็ใช้เงินจำนวนมหาศาล โดยในปี 2017 รัฐบาลอังกฤษจัดงบ 500 ล้านปอนด์สำหรับการซ่อมแซมวัง ซึ่งว่ากันว่ากว่าจะซ่อมแซมระบบทุกอย่างแล้วเสร็จ ต้องใช้เวลากว่า 10 ปี (2)
มาถึงการทำความสะอาดหน้า สมัยนั้นไม่ได้เช็ดหน้าทุกวันแบบที่เราทำกันนะคะ พอแต่งหน้าแล้ว พระนางก็ทิ้งเอาไว้เป็นอาทิตย์ (คิดดูว่าพิษจะซึมเยอะขนาดไหน) แล้วพอจะเช็ดออก สิ่งที่ใช้ก็ยังมีส่วนผสมของปรอทอีก เพราะเชื่อว่าปรอทจะทำให้ผิวนุ่ม แต่เพราะจริงๆแล้วมันลอกผิวออกไปเลยต่างหาก (4)
ลำโพงลายราพันเซลอันนี้คือค่ดน่ารัก เสียงดีมาก เชื่อมบลูทูธได้ แถมทำหน้าที่เป็นโคมไฟได้ พอเปิดไฟแล้วเหมือโคมลอยในหนังเลย ฮือ ฟิน ㅜㅡㅜ
ชีลิซซี่ชอบช็อคโกแลทมากกกก แบบเป็นช็อคโกแลทเลิฟเวอร์ตัวจริง ต้องได้กินทุกวันไม่งั้นนอนไม่หลับ ซึ่งของโปรดชีคือเค้กคุ้กกี้ช็อคโกแลทฝีมือเชฟประจำตัวชี และชีจะกินมันในชิ้นเล็กๆทุกวันจนกว่าจะหมด และถึงแม้มันจะเหลือแค่เศษๆชีก็จะกินจนคำสุดท้าย (11)
ธีมวันเกิดเพื่อนปีนี้คือ Mean girls จะแต่งเป็นชุดไหนนอกจากจิงเกิลเบลร็อคได้อีกล่ะคะ 🤪
เรื่องของเจ้าชายกับยาจกถูกนำไปดัดแปลงทั้งโดยตรงและบางส่วนเยอะแยะมากค่ะ นอกจากเรื่องของบาร์บี้ ก็มีตัวอย่างเช่น • The Parent Trap • It Takes Two • The Prince and the Pauper: The Movie นอกจากนี้ยังเป็นละครเวทีและการ์ตูนสั้นด้วยนะคะ
(ลือ) เพลงที่จะได้ยินฮัลลีร้องใน The Little Mermaid ไลฟ์แอคชั่นนอกจาก Part Of Your World แล้วก็จะมีพาร์ทนึงในเพลง Under the Sea, เพลงใหม่ของแอเรียล, เพลงคู่เอริค, พาร์ทนึงของวาเนสซ่าใน Poor Unfortunate Soul และท่อนนี้ 😭 เป็นท่อนที่ชอบมาก อยากฟังไม่ไหว twitter.com/writtenbyirene…
• ทำไมชุดแต่งงานถึงสีขาว ส่งตรงจากยุควิคตอเรียน โดยพิธีแต่งงานของควีนวิคตอเรียในปี 1841 ค่ะ ก่อนหน้านั้น เป็นธรรมเนียมที่ชุดเจ้าสาวจะเป็นสีสว่างสดใสที่สามารถใส่ในโอกาสอื่นได้ด้วย แต่ควีนวิคตอเรียใส่ชุดสีขาวเพื่อโชว์ดีเทลลูกไม้สวยๆ และมันก็เริ่มเป็นที่นิยมนั่นเอง (9)
ส่วนผสมของตะกั่วผสมน้ำส้มสายชูเรียกว่า Ceruse ค่ะ ทาลงทั้งหน้าและคอเพราะเชื่อว่าจะทำให้ผิวเหมือนเครื่องเคลือบ แต่เพราะมันท็อกซิก มันก็ยิ่งทำให้หน้าของนางโดนกัดกร่อน แต่แทนที่จะหยุด นางกลับแก้ปัญหาด้วยการยิ่งทามันหนักกว่าเดิมเพื่อปิดรอย ว่ากันว่านางพอกหน้าหนาเป็นนิ้วเลยค่ะ (3)
คนรวยยุคนั้นเงินเหลือจนไม่รู้จะใช้ทำอะไร เลยมีการจัดปาร์ตี้แต่งตัวขึ้นบ่อยมาก เพราะเป็นการอวยรวยได้แล้วหนึ่ง อีกอย่างก็เพื่อใช้เงินไปกับอะไรก็ได้ที่จะได้ใช้แล้วทิ้ง เช่นเสื้อผ้า พร็อพ ถ้าถามว่าเว่อร์ขนาดไหน ลองดูในภาพได้เลยค่ะ (2)
คนที่รวบรวมอาการเหล่านี้มา ประกอบกันและเขียนออกมาเป็นนิยายคือ Bram Stocker ค่ะ แม้จะไม่ใช่คนแรกที่เขียนเกี่ยวกับแวมไพร์ แต่ในนิยายของเขาระบุกฎเกี่ยวกับการเป็นแวมไพร์เอาไว้ ซึ่งกฎเหล่านั้นส่งผลให้ภาพจำของแวมไพร์เป็นอย่างทุกวันนี้ จากนั้นแวมไพร์ก็ถูกตีความมาเรื่อยๆนั่นเองค่ะ (11)
สิ่งที่พวกชาวบ้านที่เชื่อว่าญาติที่เสียไปเป็นภัยทำก็คือ ไปขุดหลุมศพนำศพขึ้นมาและจัดการกับร่างนั้น ว่าว่าเป็นการ ‘กำจัดแวมไพร์อีกครั้ง’ โดยแต่ละภูมิภาคมีวิธีจัดการต่างกันไปค่ะ ที่แมสซาชูเซตและเมนน์ คนก็จะแค่พลิกศพให้นอนคว่ำและฝังใหม่ (5)
• ทำไมเจ้าสาวต้องยืนฝั่งซ้ายมือของเจ้าบ่าว? สืบเนื่องมาจากข้อตะกี้ที่ว่าอาจมีการต่อสู้เกิดขึ้น ที่เจ้าสาวต้องยืนฝั่งซ้ายเพราะในกรณีที่มีการบุกเข้ามาของคนประสงค์ร้าย เจ้าบ่าวจะได้ชักดาบด้วยมือขวาได้ทันทีและสู้ได้ทันที (ใครถนัดซ้ายก็ซวยไปนะ555555) (7)