ซึ่งทุกตำแหน่งตั้งแต่หน้าที่คนรับโทรศัพท์ไปจนถึงพ่อบ้าน จะต้องถูกเทรนอย่างหนักเพื่อจะได้บริการทุกระดับประทับใจที่สุด (11)
วันก่อนไป tea room แถวกินซ่ามา ร้านดีมากกกกก 💯 มีชาให้เลือกมากกว่า 300 ชนิดจากรอบโลก เลือกได้ทั้งร้อนเย็น แถมเขามีแนะนำชาเบสจาก personality หรืออารมณ์เราในวันนั้นด้วย นี่ได้มาเป็นชาของญี่ปุ่น หอม สดชื่นมาก 🍵 ขนมก็อร่อย หน้าร้านคือสไตล์ฝรั่งเศสสุดๆ ใครมาโตเกียวคือแนะนำ
ทะเลทรายสวยมาก เวียดนามไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ
เวลากินเหล้าเยอะมากๆๆ หลายคนคงตื่นมาด้วยอาการเมาค้างหรือรู้สึก “แฮงค์” ใช่ไหมคะ แล้วทุกคนใช้วิธีอะไรในการแก้แฮงค์กัน? เธรดนี้จะมารวบรวมวิธีแปลกๆ ของกินประหลาดๆ ที่คนสมัยก่อนใช้เพราะเชื่อว่าจะทำให้หายแฮงค์ได้กัน มีทั้งสวดมนตร์ก่อนกินเหล้า มีบางคนบอกให้เอามะนาวถูรักแร้ด้วยนะ55555
ด้วยความที่ราชวงศ์อังกฤษเป็นอีกหนึ่งราชวงศ์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แน่นอนว่าพวกกฎเล็กๆน้อยๆตั้งแต่การกินอาหารไปจนถีงการเจอผู้คนย่อมจะมียุบยิบ เคยเล่าเรื่องกฎแปลกๆในวังแวร์ซายไปแล้ว เธรดนี้จะมาเล่าถึงกฎแปลกๆในวังบัคกิ้งแฮมให้อ่านกันบ้างค่ะ
ไม่ใช่กฎจริงจัง แต่เป็นที่รู้กันในบ้านว่าใครก็ตามห้ามเอาชนะควีนลิซซี่เวลาเล่นเกม Charade (เกมใบ้คำ พวกชาเย็นอะไรงี้) เพราะควีนชอบเล่นมากกก จะชอบเลียนแบบเป็นเซเลปหรือพวกผู้นำที่ตัวเองเคยเจอ และครอบครัวนี้ชอบเล่นเกมใบ้คำกันทุกคริสมาสต์ เพราะงั้นใครก็ห้ามเก่งกว่าควีน (1)
อีกหนึ่งที่ไม่จริงจังแต่ก็รู้กันว่าห้าม นั่นคือ “ห้ามเล่นเกมเศรษฐี” โดยเจ้าชายแอนดรูว์เคยให้สัมภาษณ์ว่า พวกเราเล่นเกมเกมเศรษฐีที่บ้านไม่ได้ เพราะมันจะกลายเป็นอะไรที่ร้ายกาจ” (สงสัยว่าเกมที่คนในครอบครัวแข่งกันแย่งที่ดินและเงินทองจะคลับคล้ายคลับคลากับที่บ้าน… 🤫) (2)
สิ่งนึงที่เป็นสิ่งต้องห้ามในวังบัคกิ้งแฮมคือกระเทียม เพราะควีนลิซซี่ไม่ชอบกระเทียมเป็นอย่างมาก ถึงจะเป็นแค่ข่าวลือ แต่ก็ถูกยืนยันโดยเชฟในวังมาแล้ว โดยกล่าวไว้ว่าจะเสิร์ฟกระเทียมหรือหัวหอม (ที่เยอะไป) ไม่ได้ รวมถึงเนื้อที่แรร์ (ไม่ค่อยสุก) ด้วย (3)
หลังจาก 6 โมงเย็น หญิงที่ใส่หมวกจะต้องเปลี่ยนไปใส่มงกุฎแทนเสมอเวลาออกงานสาธารณะ ซึ่งประเพณีนี้ก็มีที่มาตั้งแต่สมัยก่อน โดยสำหรับผู้หญิงจะเป็นการโชว์สถานะของเธอ ชี้ว่าเธอแต่งงานแล้วและไม่ได้มองหาสามี (4)
กระเป๋าที่ควีนถือมีประโยชน์มากกว่าการใช้ใส่สิ่งของ เชื่อกันว่าควีนจะใช้กระเป๋านี้เพื่อส่งข้อความลับ เช่น ถ้าเอากระเป๋าวางลงบนโต๊ะอาหารเย็น แปลว่าต้องการให้อีเว้นท์อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นอยู่จบใน 5 นาที หรือ วางกระเป๋าบนพื้น แปลว่าไม่โอเคกับบทสนทนาตอนนี้ ต้องพาออกไปจากตรงนี้ (5)
กฎบนโต๊ะอาหารมีประมาณร้อยแปดพันอย่าง เดี๋ยวจะมาทำเธรดแยกเจาะลึกค่ะ วันนี้เอานำจิ้มไปก่อน55555 แต่กฎอย่างนึงที่ผู้ร่วมโต๊ะกับควีนต้องจำขึ้นใจคือ เมื่อใดก็ตามที่ควีนหยุดกินแล้ว คุณต้องหยุดกินเช่นกัน ซึ่งกฎนี้มีมาย้อนไปตั้งแต่ยุควิคตอเรียน (6)
เป็นที่รู้กันว่าควีนวิคตอเรียนกินเร็วมากกกก กล่าวไว้ว่าสามารถกินอาหาร 7 คอร์สเสร็จได้ภายในครึ่งชั่วโมง ซึ่งสำหรับผู้ร่วมโต๊ะนี่คือคงปาดเหงื่อกันล่ะ เหมือนอยู่ในงานแข่งกินก็ไม่ปาน55555 (7)
ไม่ใช่กฎจริงจัง แต่เป็นธรรมเนียมที่ทำสืบต่อกันมานานตั้งแต่ยุควิคตอเรียน นั่นคือช่อดอกไม้งานแต่งต้องมีพืช myrtle อยู่ด้วยเสมอ เพราะพืชชนิดนี้เป็นของขวัญจากเยอรมนีที่ย่าของเจ้าชายอัลเบิร์ตมอบให้ควีนวิคตอเรีย และควีนก็ใช้ในวันแต่งงานด้วย (8)
บทสนทนาบนโต๊ะอาหารจะถูกวางไว้แล้ว ในช่วงคอร์สแรกของมื้อ ควีนจะคุยกับคนที่นั่งอยู่ทางขวาของตัวเอง เพราะลำดับที่นั่งนั้นถือเป็นของแขกผู้มีเกียรติ ส่วนคอร์สที่สองก็จะคุยกับคนที่นั่งทางด้านซ้าย และคนในราชวงศ์ก็ทำตามกฎนี้เช่นกัน เพื่อให้บทสนทนาบนโต๊ะอาหารไหลลื่น (9)
ราชวงศ์อังกฤษจะไม่กิน shellfish (สัตว์ทะเลที่มีเปลือก) กันค่ะ เพราะเชื่อว่าอาหารประเภทนี้จะทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษมากกว่าชนิดอื่น พวกเขาจะต้องเข้าร่วมงานสังคมบ่อยๆ คงน่าอายถ้าอยู่ๆต้องวิ่งเข้าห้องน้ำ นอกจากนี้ยังระวังพวกเนื้อไม่สุก หรือน้ำดื่มเวลาอยู่ต่างประเทศด้วยนะ (10)
ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนไกลๆ ก็ต้องเตรียมชุดดำไปด้วยเสมอ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมตัวล่วงหน้าค่ะ เตรียมตัวเผื่อสมาชิกในราชวงศ์เสีย หรือบุคคลสำคัญในประเทศที่ไปเยี่ยมเยียนเสีย ก็จะมีชุดเตรียมไว้สำหรับไว้ทุกข์ ประเพณีที่จริงจังกับการไว้ทุกข์ก็มีมาตั้งแต่ยุควิคตอเรียนเลย (11)
คนในราชวงศ์ไม่สามารถแต่งงานกับคนจากนิกายโรมันคาทอลิคได้ กฎนี้บังคับใช้จนถึงปี 2013 ค่ะ ซึ่งกฎนี้มาจากความตึงเครียดระหว่าง Anglican Church และ Catholic Church และทางฝั่งราชวงศ์อังกฤษนับถือ Anglican มานาน ทำให้มีกฎแบบนี้ แต่ก็ถูกยกเลิกไปแล้ว (12)
รัชทายาท 2 คนห้ามเดินทางไปที่ไกลๆด้วยกันค่ะ เพื่อแน่ใจว่ารัชทายาทที่มีสิทธิ์ในบัลลังก์จะปลอดภัยอย่างน้อยไม่คนใดก็คนหนึ่ง เช่น ถ้าต้องเดินทางไปประเทศเดียวกันก็ต้องบินคนละไฟลท์ แต่เจ้าชายวิลเลียมก็ได้แหกกฎไปเรียบร้อยในปี 2014 ที่เอาลูกชาย (เจ้าชายจอร์จ) ขึ้นเครื่องไปด้วยกัน (13)
กฎอีกหนึ่งที่สำคัญคือ ห้ามแตะตัวสมาชิกในราชวงศ์ค่ะ ถ้าจะทักทายต้องโค้งคำนับหรือถอนสายบัวเท่านั้น แต่ในปี 2014 เคท มิทเดิลตันได้ถ่ายรูปคู่กับนักบาส NBA ที่ชื่อ LeBron James โดยเขาได้โอบเอวชีเคท ทำให้ชาวบ้านที่อินกับราชวงศ์ซุบซิบกันใหญ่ (14)
บาร์บี้โรงเรียนบริหารเสน่ห์เจ้าหญิง (Princess Charm School) เป็นหนึ่งในภาคโปรดของนี่เลย 👸🏼 รู้กันหรือเปล่าคะว่าโรงเรียนแบบนี้ก็มีอยู่จริงด้วย!! เธรดนี้จะพามารู้จัก Finishing School และ Charm School ที่เลดี้ทั้งหลายเข้าเรียนว่าเป็นยังไง สอนอะไรกันบ้างนะ?
ก่อนอื่น Finishing School กับ Charm School ต่างกันยังไง? สำหรับ Charm School นั้น สาวๆคนไหนก็ไปเรียนได้ไม่ว่าจะยากดีมีจน และคอร์สเรียนจะระยะสั้น ส่วน Finishing School จะเป็นคอร์สระยะยาว เป็นโรงเรียนประจำ และคนที่เข้าเรียนได้มีแต่หญิงจากชนชั้นสูงเท่านั้น (1)
สาวๆชนชั้นสูงสมัยก่อนจะมี gap year หลังจากที่เรียนจบ grammar school จนถึงก่อนแต่งงาน (อายุประมาณ 13-15 ปี) ซึ่งจะเป็นช่วงที่ทางบ้านจะส่งพวกเธอไปเรียนที่ Finishing School แต่ก็มีบางบ้านที่ไม่ได้ส่งลูกสาวเรียนที่ grammar school และใช้วิธีจ้างครูส่วนตัวมาสอนที่บ้านแทน (2)
ประเทศที่โด่งดังที่สุดในเรื่องของ Finishing School ต้องยกให้สวิตเซอร์แลนด์ มีทั้งเจ้าหญิงจากประเทศต่างๆ ดารานักแสดงอีลีท หรือคนที่มีหน้ามีตาในสังคม (ภาพที่นำมาให้ดูคือรร.ในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ใช่ Finishing School กันแล้ว) (3)
และนี่คือตัวอย่างของหน้าที่อุปกรณ์ต่างๆบนโต๊ะอาหาร รวมไปถึงวิธีวางส้อมกับมีดเพื่อสื่อสารกับพนักงานโดยไม่ต้องพูด นอกจากนี้ เวลาดื่มชาห้ามยกนิ้วก้อย และเวลาดื่มแชมเปญต้องถือที่ก้นแก้วและ ‘เอียง’ แก้วนิดหน่อยเวลาจะดื่มเท่านั้น (6)