คุณ Anna Muthesius คือแฟชั่นไอค่อนยุคนั้นเลยล่ะ ซึ่งคุณเขาก็เขียนหนังสือ Das Eigenkleid der Frau ซึ่งแนะนำสาวๆให้หนีจากแฟชั่นเดิมๆในปารีส ชี้ไปที่ชุดแนวฝั่งตะวันออก เช่นสิ่งทอจากญี่ปุ่น จีน ตะวันออกกลางงี้ ซึ่งสาวๆจะนิยมใส่ในบ้านกัน
การเข้าร่วมปาร์ตี้ชายามบ่าย ไม่จำเป็นต้องมีบัตรเชิญแบบเป็นทางการค่ะ ใครที่อยากจัด ก็เขียนวันและเวลาลงบนนามบัตรของตัวเอง หรืออยากให้จริงจังก็ทำเป็นจดหมายส่งเฉพาะบุคคลเลยก็ได้ (6)
เพดานโค้งกากบาทแบบมีคิ้ว (Ribbed Vault) ตัว ribbed ที่เป็นซี่ๆไขว้กันบนเพดานคือแกนของหลังคา ซึ่งของ Notre Dame ของจริงจะเป็นลักษณะของ Quadripartite Vault ซึ่งแบ่งหลังคาเป็นสี่ส่วน ในการ์ตูนก็เป๊ะเลย ยุคแรกๆก็มีแค่สี่ แต่ก็มีการเพิ่ม ribbed จนถี่ยิบในยุคหลังๆเพิ่มความแข็งแรง (2)
จุดพีคของวันอยู่ที่มื้อค่ำค่ะ เป็นอีเว้นท์ทางการที่สาวๆจะแต่งตัวไม่ซ้ำกันเลยทุกวัน ชุดจะหรูหราที่สุด ใส่คอร์เซ็ท (แบบสั้น) ชุดและแม้แต่ถุงเท้าก็ทำมาจากผ้าไหมชั้นดี ส่วนกระโปรงชั้นในก็นิยมทำมาจากผ้าไหมญี่ปุ่นค่ะ จริงๆชุดไม่ได้ต่างจากมื้อเที่ยงเท่าไหร่ แต่จะดูแพงกว่า แต่- (11)
ชาวโรมันที่มีฐานะมักจะมีห้องส้วมอยู่ในบ้านค่ะ ก็โชคดีไป แต่มันจะไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบท่อน้ำเสียหลัก เหมือนจะเป็นหลุมเฉยๆที่ต้องจัดการด้วยการนำไปทิ้งอีกทีนอกเมืองหรือในสวน ส่วนมากห้องส้วมจะอยู่ใกล้ห้องครัวเพื่อจะได้สะดวกในการเอาเศษขยะไปทิ้งด้วยกัน (4)
แถมคู่รักจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองก่อนถ้าอายุไม่ถึง เพราะงั้นสำหรับคู่ไหนที่รีบมากๆๆๆ หรืออายุไม่ถึงและที่บ้านไม่อนุญาต สก็อตแลนด์จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะใกล้สุด และไม่มีกฎหมายนี้เหมือนที่อังกฤษด้วย (10)
ผู้โดยสารชายชั้นสามก็มีอัตราการรอดน้อยพอๆกันเลยค่ะ จาก 462 คน รอดมาได้เพียง 75 คน เหตุที่รอดกันน้อยเป็นเพราะประตูรั้วเหล็กที่กั้นพวกเขาด้วย (แต่หนึ่งในผู้รอดบอกว่าสุดท้ายพวกเขาก็มีเรือบดของตัวเองนะคะ แต่ก็คือห้ามไปแย่งชั้นอื่น) (9)
ผิด ต้องสาวธาตุไฟกับหนุ่มธาตุน้ำสิ555555 ตื่นเต้นมาก พิมพ์สลับกันเฉยเลย
ชาวโรมันไม่มีคำว่าอายเมื่อพูดถึงการเข้าส้วม ซึ่งหน้าตาของส้วมสาธารณะส่วนใหญ่คือจะนั่งกันแบบในภาพ มีระยะห่างไม่กี่เซนเท่านั้น (7)
แต่เทรนนี้กว่าจะมาถึงการกำหนดสีให้เสื้อผ้าเด็กก็ปาไปช่วง 1980s แล้วค่ะ ซึ่งเป็นช่วงที่การอัลตราซาวด์เพศของเด็กกลายเป็นธรรมเนียม พ่อแม่ก็จะไปหาช้อปของสำหรับลูกชายหรือสาว และแน่นอนว่าผู้ผลิตก็ตอบสนองกับเทรนนี้ด้วยการแบ่งแยกสีอย่างชัดเจนนั่นเอง (10)
ชีแอนน์แซ่บมาก ถึงขั้นฉลอง (กับตัวเอง) ที่ศัตรูของตัวเองสิ้นชีพ อ้างอิงจากทูตสเปนสมัยนั้น เชื่อว่าแอนน์วางแผนต่อต้าน Catherine of Aragon (ภรรยาคนแรกของเฮนรีที่แปด) และหลังจากที่แคทรีนตุยเย่ ชีแอนน์แฮปปี้ขนาดใส่ชุดสีเหลือง ซึ่งเป็นสีแห่งความสุข ไม่ใช่สีไว้ทุกข์ (5)
แต่หลายๆคนก็ไม่ซื้อเคลมนี้ เพราะถึงจะเป็นงั้นจริงแต่ควีนชาร์ล็อตต์ก็ห่างจากบรรพบุรุษคนนั้นหลายช่วงศตวรรษเลย (ยุครีเจนซีคือช่วงศ.ที่ 19) จึงกล่าวว่ามาจากหลักฐานโดยเรื่องเล่าเสียมากกว่าหลักฐานจริงๆ (2)
ไม่พูดถึงเจ้าพวกนี้ก็คงไม่ได้ ในหนังดิสนีย์เรื่องอื่น ตัวเอกมักจะมีเพื่อนเป็นสัตว์ใช่ไหม แต่เรื่องนี้เพื่อนของตัวเอกคือรูปปั้นการ์กอย (Gargoyles) ค่ะ! ซึ่งสำหรับวิหารก็ทั้งใช้ตกแต่งและทำหน้าที่เป็นรางน้ำด้วย ในตำนานเชื่อว่าพวกการ์กอยมีหน้าที่ไล่วิญญาณร้ายไม่ให้มาใกล้น่ะเอง (5)
ตัวอย่างของแฟชั่น Y2K เช่น คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วงของ Dior ในปี 1999 โดยดีไซนเนอร์บอกว่าตนได้แรงบันดาลใจมาจากหนัง The Matrix (4)
สีเขียวกับแดง: เออแล้วทำไมคริสมาสต์ต้องสองสีนี้? จริงๆต้นฮอลลี่ (ที่มีสีเขียวและแดง) เนี่ยถูกโยงกะคริสมาสต์เพราะมองว่ามันแทนบัลลังก์ของพระเยซู สีก็เลยเชื่อมกับคริสมาสต์ แต่ที่มันกลายมาเป็นสัญลักษณ์เลย เพราะในช่วง 1930s โคคาโคล่าใช้สองสีนี้ในการโฆษณาผ่านซานต้าวันคริสมาสต์ล่ะ (8)
จริงๆ Part Of Your World (reprise) เป็นเพลงที่ชอบที่สุดในเรื่อง มันสื่อถึงความรู้สึกอยากอยู่ในโลกเธอได้ดีมากๆ แบบ จะทำยังไงให้ได้อยู่ในโลกเธอนะ ชั้นก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นได้ยังไง แต่คอยดูไว้เถอะ สักวันนึงจะเป็นส่วนนึงของโลกเธอให้ได้ ฟีลแอบชอบใครสักคนจริงๆก็ประมาณนี้เลย
ขอเรื่อง Afternoon Tea อีกนิด (ติดใจ555) หญิงที่เป็นผู้จัดงานจะมีสาวใช้ติดตาม 1-2 คน ซึ่งพวกเธอมีหน้าที่เก็บจาน ถ้วย ทำให้โต๊ะสะอาดอยู่เสมอ (จะทานขนมจากชั้นบนลงชั้นล่าง โดยทานชั้นไหนเสร็จ ถาดชั้นนั้นจะถูกถอดออก) และในการเทชา/ช็อคโกแลท ผู้เทจะต้องเป็นเจ้าของงานค่ะ (11)
การแต่งตัวของสาวๆก็เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของวันเหมือนกับยุคก่อนๆ เราจะมาเล่าถึงทีละช่วงเลยนะคะ แฟชั่นช่วงเช้า 🌤 สาวๆเฟิร์สคลาสหลายคนทานอาหารเช้าในห้องส่วนตัว เพราะงั้นชุดที่ใส่จึงจะเป็นชุดสำหรับเดินทางค่ะ จะใส่ง่าย สบาย เหมาะกับอากาศหนาว (เพราะเรือมุ่งหน้าผ่านแอตแลนติก) (3)
แต่เงือกที่บาดเจ็บคนนั่นได้เรียนรู้ภาษาดัตช์ (ภาษาของชาวเนเธอร์แลนด์) และภายหลังก็ได้กลายเป็นชาวคาธอลิคด้วยค่ะ (13)
ต้นคริสมาสต์ 🎄: หลายๆวัฒนธรรม ทั้งอียิปต์โบราณหรือชาวเซลต์ ฉลองวันเหมายันด้วยต้นไม้ที่มีสีเขียวตลอดปีค่ะ ชาวโรมันเองก็ใช้ต้นไม้แบบเดียวกันในการฉลองเทศกาลที่คล้ายกับคริสมาสต์ และชาวคริสเตียนนำวัฒนธรรมเหล่านี้มาปรับใช้กับตัวเอง (1)
สมัยโน้นเพิ่งจะมีการถ่ายภาพเกิดขึ้นไม่นาน และค่าใช้จ่ายในการจะได้รูปถ่ายสักใบก็ไม่ใช่น้อยๆ ไม่ใช่ทุกครอบครัวจะมีกำลังมากพอ การถ่ายรูปจึงมีไว้สำหรับโอกาสสำคัญจริงๆ ซึ่งสำหรับหลายบ้านก็คือโอกาสที่คนที่รักจากไป ถือเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย (1)
ครีบยันลอย (Flying Buttresses) นี่ลักษณะสำคัญเลย เป็นส่วนเชื่อมโครงสร้างด้านในและนอกให้สามารถส่งผ่านแรงจากกำแพงด้านในออกมาด้านนอก ว่าง่ายๆคือรูปแบบการสร้างกำแพงซ้อนเพื่อช่วยค้ำจุนตัวตึกให้แข็งแรง นับว่าเป็นวิวัฒนาการที่ก้าวหน้ามาก และทั้งหมดมาจากการลองผิดถูก ไม่ใช่การใช้ทฤษฎี(3)
สำหรับผู้โดยสารหญิงชั้นสอง โอกาสรอดมากกว่าผู้ชายค่ะ จะบอกว่านอกจากบรรดาภรรยาแล้ว สาวๆที่มาเที่ยวกันกับแก๊งค์เพื่อนก็มีนะ หรือเที่ยวคนเดียวก็มี โดยจากผู้หญิงทั้งหมด 93 คน มีทั้งหมด 80 คนค่ะที่รอด (5)
กลางวันว่าสวยแล้ว กลางคืนคือขลังมากกก เป็นปราสาทที่สวยมากจริงๆๆๆ โอ้ย ประทับใจ อยากให้ทุกคนได้มาเที่ยวโซน Beauty and the Beast
ตอนจบของนางก็สยองกว่าในการ์ตูนด้วยค่ะ มีเวอร์ชั่นที่นางถูกลงโทษบังคับให้เต้นโดยใส่รองเท้าที่ทำมาจากเหล็กร้อนในงานแต่งสโนว์ไวท์จนกว่าจะตุย รวมไปถึงมีเวอร์ชั่นที่นางโกรธจนตุยเพราะสโนว์ไวท์ยังมีชีวิตอยู่ด้วย ดาร์คสุดๆ