คาเฟ่นารูโตะที่โตเกียวสกายทรีคือกรี้ดมากกกก 🥹🤍 ขนมอร่อยสุดๆ น้ำที่ขายก็ดี แล้วทำออกมาน่ารักนุ้บนิ้บมากๆๆๆ ฮือ กินแล้วคิดถึงตัวละครในความทรงจำทุกคน ของหวานพี่อิทาจิคือที่หนึ่งในใจ เป็นเค้กช็อกลาวากินคู่กับวิปครีมและซอสสตรอว์เบอร์รี่ ใครมาญปช่วงนี้ห้ามพลาด!
อีกหนี่งความเชื่อแปลกๆจากยุคกลาง เชื่อว่าการผสมพันธุ์และยีนส์ไม่ได้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ แต่เด็ก (ที่โตเต็มตัวแล้ว) จะอยู่ในท้องแม่ และแค่ต้องใช้เชื้อบางอย่างของพ่อเพื่อกระตุ้นให้ปฏิกิริยาเคมีบางอย่างทำงาน เพราะงั้นเด็กในภาพวาดก็เลยหน้าแก่ได้ เพราะโตเต็มวัยตั้งแต่ในท้องแล้ว (9)
ความปังอีกอย่างของชีแอนน์คือการที่เธอได้ยศของผู้ชาย (Marquess of Pembroke) และเป็นตำแหน่งโดยสิทธิ์ตัวเอง เพราะสมัยก่อนการที่ผู้หญิงจะมีตำแหน่งได้ จะได้ยศตามพ่อหรือสามีที่มียศอยู่แล้วเท่านั้น (7)
สิ่งต้องห้ามอีกอย่างคือการหญิงโสดและชายโสดอยู่ด้วยกันหรือพบปะกันลำพังสองต่อสองโดยที่ไม่มี chaperone (หญิงมีอายุ/มีสามีแล้วที่จะไปงานสังคมกับหญิงหรือชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน) (9)
มันน่ารักตรงที่เด็กๆรอบโลกก็จะวางของให้ซานต้าต่างกันออกไปนี่แหละ ที่อังกฤษ,ออส จะเป็นพาย sherry and mince สวีเดนจะเป็นโจ๊กข้าว ไอร์แลนด์จะเป็นเบียร์ Guiness กับคุ้กกี้ ฯลฯ คือวันนั้นซานต้าคงกินจนอิ่มหนำเลยอะ ไม่แปลกใจถึงตัวปุ๊กลุ๊ก กินจนเหนื่อย55555
ที่ทำคลิปเมื่อวานประทับใจสองอย่างนี้สุดแล้ว ภาพซ้ายเชื่อว่าคือดิลโด้ชิ้นแรกของโลก ภาพขวาเชื่อว่าคือถุงยางชิ้นแรกของโลก ดิลโด้คือนึกว่าไม้ครก55555555555
ตลาดงานแต่งมันก็เหมือนกับธุรกิจอย่างนึง ซึ่งถือเป็นการผลิตซ้ำความร่ำรวย ทำให้คนระดับเดียวกันแต่งงานกันเอง ความรวยก็จะวนอยู่แต่กับพวกของตัวเอง (6)
ในช่วงการมีอยู่ของศาลศาสนาสเปน (Spanish Inquisition) ที่กระทำการล่าแม่มด หนึ่งในคุณสมบัติของแม่มดคือถนัดซ้าย เพราะถือว่าเป็นคนไม่ปฏิบัติตามหลักคาธอลิค จะถูกลงโทษ และมีถึงขั้นคร่าชีวิต (6)
ที่นักวิชาการหลายคนตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ของดอดจ์สันกับเด็กสาว เพราะเขาเคยเขียนไว้ว่า ‘ผมชอบเด็ก (ยกเว้นเด็กผู้ชาย)’ และเคยเขียนจดหมายว่าไว้ว่า ‘ผมยอมรับว่าไม่ชอบภาพเด็กชายที่เปลือย พวกเขาเหมือนว่าต้องใส่เสื้อผ้าตลอดเวลา แต่ไม่เข้าใจเลยว่าร่างกายของเด็กสาวต้องถูกปกปิดด้วย’(9)
ในวัฒนธรรมแอฟริกาบางที่ก็ไม่โอเคกับการใช้มือซ้าย อย่างชาวซูลูสมัยก่อนเคยมีการลงโทษเด็กที่ถนัดซ้ายด้วยการเอามือซ้ายไปจุ่มน้ำเดือดร้อนจัดทำให้ใช้การไม่ได้ ในบางวัฒนธรรมของแอฟริกาห้ามผู้หญิงทำอาหารด้วยมือซ้าย ไม่งั้นจะถูกหาว่าเป็นแม่มด หรือถูกหาว่าพยายามจะวางยาใส่อาหาร (7)
คัมภีร์ไบเบิ้ลมีการยึดโยงคุณธรรมจริยธรรมเข้ากับด้านซ้ายและขวา เช่น พระเยซูจะนั่งอยู่ที่มือขวาของพระเจ้า ในขณะที่ทูตสวรรค์กาเบรียลจะนั่งทางซ้าย ใน Book of Matthew มีจุดที่พระเยซูที่ถูกอุปมาเป็นคนเลี้ยงแกะ กล่าวไว้ว่าคนที่อยู่ด้านขวาของตนเท่านั้นจะได้ไปสวรรค์ (5)
คำถามปังมาก555555 คือจริงๆมันไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าการเข้าทรงครั้งแรกคือเมื่อไหร่ แต่เท่าที่รู้คือมีบันทึกมาจาก Hebrew Bible เป็นการเข้าทรงของแม่มด เออจริงๆมันก็มีอะไรแบบนี้มาในหลายวัฒนธรรมพร้อมๆกันเลย ที่เมกานี่เหมือนจะพีคๆมากด้วยตอนคนฮิตเล่น ouija กัน
11 โมง: เป็นเวลาของการประชุมสภาที่จะจัดขึ้นในห้องของพระองค์ แต่ละวันก็จะเป็นวันของแต่ละสภาสลับกันไป ซึ่งส่วนมากจะมีตัวแทนจากกระทรวงประมาณ 5-6 คน ที่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ ฟังคิงเป็นส่วนมาก บ่ายโมง: เป็นเวลามื้อกลางวันที่ปกติต้องรับคนเดียว แต่หลุยส์ 14 ชอบให้พวกขุนนางมาอยู่ด้วย (6)
หน้าต่างนี้คือ South Rose Window ค่ะ ตรงกลางคือพระคริสต์เจ้าล้อมรอบไปด้วยนักบุญและเทพธิดา เจ้า Rose Window นี้มีทางทิศเหนือและตะวันตกด้วย ถ้าใครเคยดูหนังและจำเพลง God Help the Outcasts ได้ มันคือหน้าต่างที่เอสเมอรัลด้ายืนให้แสงส่องนั่นเอง เหมือนพระเจ้ากำลังรับฟังเธออยู่เลย (4)
หลังจากนั้นไม่นานดอดจ์สันก็ติดต่อกับครอบครัวของอลิสอีกเหมือนเคย แต่ไม่ได้ใช้เวลากับอลิสอย่างที่เคย และในปี 1864 ดอดจ์สันมอบหนังสือ Alice’s Adventures Under Ground ให้เธอ และปีถัดมา เขาเขียนเกี่ยวกับอลิสว่าเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว (8)
คารุเบะคือวอลรัสผู้ซื่อสัตย์ต่อคำพูดตัวเองและทำตามกฎ คารุเบะมีความเลือดร้อน ไม่กลัวใคร ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังในบางที เหมือนกับวอลรัส ซึ่งประกอบกับเป็นคู่หูของโชตะด้วย ดูโอ้นี้ก็เหมือนกับดูโอ้ของช่างไม้กับวอลรัสนั่นเอง (7)
แต่พวกการแต่งกายที่อิงฝั่งตะวันออกจะเป็นที่นิยมในวัยรุ่นมากกว่าค่ะ รุ่นใหญ่เขาก็ยังใส่ชุดจากยุคเอ็ดวาร์ดเดียนอยู่ เสื้อใหญ่ๆ แขนพองๆ กระโปรงเป็นจีบ ที่เน้นเลยคือทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองดูรวยค่ะ ใส่เฟอร์ ใส่เครื่องประดับเยอะๆ อะไรก็ได้ที่จะสวยหรูดูแพงที่สุด (2)
ในซีรีส์จะเห็นว่าเรื่องฉาวของสาวๆเป็นเรื่องใหญ่มาก นั่นเพราะถ้าเป็นผู้ชายก็ลอยตัวเหนือปัญหาได้ แต่สาวๆต้องปฏิบัติตามกฎของสังคม จะออกไปไหนก็ต้องมีคนคอยติดตาม ต้องประพฤติตัวดีวางตัวดี ไม่งั้นพวกเธออาจจะขายไม่ออกและไม่ได้คู่จากตลาดงานแต่ง (13)
แผนที่ยุโรปหลายอันได้รับอิทธิพลมาจาก ปตอเลมี/ทอเลมี (Ptolemy) ซึ่งถือเป็นบิดาแห่งภูมิศาสตร์ เพราะงานของเขาเป็นตัวอย่างให้กับแผนที่ของคริสเตียนและอิสลามมากว่า 150 ปี และนี่คือผลงานของเขาที่ถูกค้นพบในศ.ที่ 15 ค่ะ การแบ่งโลกด้วยเส้นละ/ลองคือเบสิคของแผนที่ใหม่ๆรุ่นถัดมาเลย (2)
คือจริงๆชุดสำหรับชายามบ่ายมีประวัติที่ค่อนข้างแซ่บ เราจะเล่าในเธรดหน้าแทนนะคะเพราะยาวหน่อย5555 เอาเป็นว่าช่วงหน้าร้อนและการดื่มชานอกสถานที่ก็จะนิยมใส่เป็นชุดสีขาว ทำมาจากผ้าฝ้าย แต่บนไททานิคที่เป็นสถานที่ปิดแถมเป็นระหว่างเดินทาง สาวๆก็จะใส่ชุดที่ตัดมาสำหรับเดินทางโดยเฉพาะค่ะ (10)
• Mélusine เป็นตำนานเงือกจากฝรั่งเศส พ่อแม่ของเธอเป็นมนุษย์และนางฟ้า แต่พ่อที่เป็นมนุษย์หักหลังแม่นางฟ้าของเธอ เมื่อเธอรู้ เธอจึงขังพ่อไว้ในภูเขา แต่แม่ของเธอดันโกรธ และสาปเธอให้กลายเป็นครึ่งคนครึ่งงูในทุกวันเสาร์ ซึ่งเมลูซีนเนี่ยสวยมาก สวยจนชนะใจราชาได้ และ- (14)
ส่วนเกาหลีกับญี่ปุ่นที่เห็นว่าเป็นประเทศเกาะแล้วทำไมเรียกชา เพราะทั้งสองประเทศได้รับชาจากจีนมาตั้งแต่ก่อนยุคที่จะมีเส้นทางสายไหมแล้ว ก่อนจะมีการค้าขายกับตะวันตกด้วย มาจากพระและอื่นๆที่เดินทางมาจากทางเหนือ ซึ่งก็มาจากจีนที่เรียกชาว่าชา (5)
ซีนแรกของตอนแรกที่เปิดตัวสาวๆต่อหน้าควีนชาร์ล็อตต์ เรียกได้ว่าเป็นการเดบิ้วต์ตัวเองในสังคมลอนดอนก็ได้ค่ะ โดยจะมีการถูกเรียกชื่อ ถอนสายบัวให้กับควีน เป็นการอยู่ในสปอตไลท์แบบจัดๆเลย ซึ่งจริงๆแล้วสถานการ์ณน่ากดดันและชวนอึดอัดมากๆ ไหนจะต้องแต่งชุดจัดเต็มอีก (7)
ต่อมาอยากเล่าถึง Afternoon tea หรือการดื่มชายามบ่ายกันค่ะ จริงๆแล้วก็มาจากยุคนี้นี่แหละนะ เริ่มมาจากดัชเชสอันนา (Anna, the seventh Duchess of Bedford) ที่เกิดมาหิวในช่วงบ่ายสี่โมง (บ้านเธอกินมื้อค่ำกันช้าแต่กินมื้อเที่ยงไว) เธอจึงขอให้มีชา ขนมปัง เนย และเค้ก ยกมาที่ห้องของเธอ (4)
ปกติงานแต่งจะจัดวันศุกร์ ซึ่งตามความเชื่อของนอร์สคือวันศักดิ์สิทธิ์ของเทพีแห่งการแต่งงาน และงานจะยิงยาวเป็นอาทิตย์ ซึ่งก็ไม่แต่งงานในฤดูหนาว ไหนจะต้องดูว่าของกินพอไหม สถานที่เป็นไง และต้องเตรียมเบียร์เอลเฉพาะสำหรับคู่แต่งงานอีก ทำให้กว่าจะได้แต่งคือนานมาก บางเคสรอถึง 3 ปีก็มี (3)