ผมสวยมาก ร้องไห้ ;_; ร้าน Hair Craft Zan เนรมิตผมสีสนิมเป็นสีหม่น หลังจากอกหักจากร้าน ดดฮ. รอบนี้มาซบอกร้านญี่ปุ่น ความยาวเท่าเรา 2,500 ค่า ได้สีแบบที่การย้อมเองจากกล่องให้ไม่ได้ เป็นสีเข้มผสมสีน้ำเงินประกายเงาๆ นี่แค่ทำสีไม่ได้ลงทรีทเมนต์น้า มาตามพี่แป้ง @Kirarista ค่า
ลิปน้ำผึ้งถูกมากกกกกกก มีทั้งแบบหลอด แบบแท่ง แล้วก็แบบกันแดด ปกติกันแดดแพงกว่านิดนึงแต่ลดเหลือราคาเดียวกันหมดเลย 199 จ้า พิกัด Matsumoto Kiyoshi
2 ตัวนี้ใช้ด้วยกันแล้วรอยสิวจางไวมากกก อ่านรีวิวเค้าว่าแค่ยูเซอรีนก็ไวแล้ว พอดีเรามีตัวแอมเปิลเอ็นที่ช่วยเรื่องผิวขาวเลยเอามาใช้ด้วยกันนน ปังมาก จางไวกว่าใช้เดี่ยวๆประมาณเท่าตัวนึง แต่ใครแพ้น้ำหอมต้องระวังเพราะมีกลิ่นน้ำหอมทั้งคู่เลย ✨ เราว่าจางไวกว่าคีลส์ แต่จะหนึบหน้ากว่าน้า
วันก่อนเห็นข่าวรร.สาธิตที่ให้นักเรียนเลือกตารางเรียนเองแล้วคิดถึงที่เราไปเรียนที่ญี่ปุ่น ชื่อ Kanagawa Sohgoh High School เป็นโรงเรียนรัฐที่ไม่มีชุดนักเรียน ไม่มีห้องเรียนประจำ นักเรียนจัดตารางเอง ออกข้างนอกได้ มีห้องซ้อมดนตรี ห้องแล็บ ห้องเย็บผ้าในโรงเรียน ไว้มาเล่า ✍️
สั่งราวแขวนเสื้อมาจาก JYSK แบรนด์เฟอร์นิเจอร์แนว IKEA มาจากเดนมาร์ค 🇩🇰 ส่งฟรีไม่ต้องไปร้านให้เสียเวลา ประกอบง่ายมากกก มีตัวเลขบอกว่าอันไหนเบอร์ไหน คำนึงถึงผู้ใช้จริงมากๆ 💕 เค้ามีโปรประกอบฟรีตอนนี้แต่เราไม่สะดวกเลยมาต่อเอง ไม้สวยดี ไม่ก๊องแก๊ง โอเคมากๅ อันนี้ 1,740 จ้า
กันแดดที่ดีที่สุดในชีวิตกำลังจะหมดลงในไม่ช้า 😭 LAGOM เป็นกันแดดเนื้อดีเหมือนสกินแคร์ สบายผิว กลิ่นหอมๆ ไม่เหนอะหนะ ไม่ทิ้งความเคลือบผิว น้องทำให้คนไม่ชอบทากันแดดอย่างเราหันมาทากันแดดได้ทุกๆวันอย่างไม่ขี้เกียจ !!!! น้องกำลังจะหมดแล้วววววว มีร้านไหนพร้อมส่งมั้ยยยยค้า
ไปร้องเกะเกาหลีที่ร้าน R&B สาขาอารีย์มาาา เพลงเกาหลีเยอะใช้ได้ อัปเดตดีด้วย 💕💕 ถ้าเพลงทั่วไปจะเป็นแบบ MV มาใส่เนื้อเกาหลี (ไม่มีภาษาไทย) แต่ถ้าเพลงดังๆแบบ BP จะมีภาษาไทยแล้วจังหวะเพลงจะแปลกๆ แนะนำใครชอบวงไม่แมสมากจะได้ร้องบนเพลงจริงๆ สนุกมากกกกก ชอบมากกกกก เริ่มต้นชม.ละ 300 จ้า
นี่ก็ตั้งใจมาเสมอว่าถ้ามีลูก ลูกเราต้องได้ไปเรียนต่างประเทศ จะครึ่งปี ปีนึง หรือกี่ปีก็ได้ เท่าที่เราจะสนับสนุนไหว อยากให้ลูกได้ไปลองใช้ชีวิตในที่ที่อยากไป ได้ออกไปเจอโลกกว้างนอก Comfort Zone เหมือนที่พ่อแม่เคยให้โอกาสเรา
เวลาโดนโควตทวีตไปบอกว่าลูกคุณหนู บ้านรวย ก็คือกำหมัดแน่นมาโดยตลอด เกิดในครอบครับชนชั้นกลาง Real Middle Class ที่เห็นค่าในการลงทุนเรื่องการศึกษาให้กับลูก ส่วนเรื่องของฟุ่มเฟือยเราทำงานหาเงินเองมาตั้งแต่สมัยม.ปลาย อยากได้ดีก็ตะบี้ตะบันอ่านหนังสือ สุดท้ายโดนเอาไปบอกว่าอีลีท 🙄
งานออกบูธหลักๆจะมาตามเส้นสายรุ่นพี่มหาลัยหรือเพื่อนๆที่เคยรับงานปีก่อนๆ (เราก็เคยหาคนทำงานหลายครั้งเลย) ถ้าใครที่เรียนในคณะแบบอักษรศาสตร์ หรือ มนุษย์ให้ลองดูว่าใครเก่งในรุ่น เข้าไปส่องเฟสบ่อยๆบางทีเค้าจะลงหาคนทำงาน แนะนำงานอาหารหรือท่องเที่ยวเพราะศัพท์จะง่าย ถือเป็นการลองสนาม
ก่อนจะหางานล่าม สิ่งที่อยากให้ทุกคนมีคือ “ความมั่นใจในตัวเอง (และความสามารถของตัวเอง)” ถ้ายังไม่มั่นใจให้เริ่มจากงานง่ายๆเช่นงานออกบูธก่อน งานออกบูธมีหลายเลเวล แบบง่ายสุดเลยคือพวกงานท่องเที่ยว งานอาหาร พวกนี้ค่าแรงจะไม่เยอะ 500 - 1,000 บาทขึ้นไป ถ้าพวกเครื่องจักรก็จะแพงขึ้นๆ
เข้าสู่พาร์ทหางาน เอาจริงๆงานล่ามงานแรกในชีวิตเราจับพลัดจับผลูมากๆ เคยเขียนไว้แบบละเอียดยิบในเธรดนี้ twitter.com/eri_pmpm/statu… ✨ มีอุทธาหรณ์และคำเตือนสำหรับคนรับงานครั้งแรก ☑️ เมนชั่นถัดไปจะเข้าสู่การหางานแบบธรรมดาที่เราทำมาตลอดตอนมหาลัยจ้า ❤️ twitter.com/eri_pmpm/statu…
จบพาร์ทการพัฒนาภาษา สรุปง่ายๆ - อ่านหนังสือเยอะๆไฟ ทำแบบฝึกหัดเยอะๆๆ - ลงคอร์สเรียนเมื่อจำเป็น - ดูหนังหรือซีรี่ส์ที่มีซับญี่ปุ่นเพื่อฝึกฝนการฟังและเพิ่มพูนคำศัพท์ - หาคนญี่ปุ่นเพื่อพูดคุยในชีวิตจริง ปล. ถ้าไม่มีคนคุยด้วยจริงๆ ให้พูดตามบทพูดในซีรี่ส์ตามที่ได้ยิน (Shadowing)
4. ตอนปี 2 3 เราทำงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอิซากะยะที่เน้นขายคนญี่ปุ่นแถวๆอโศก ทำเพราะอยากหาเงิน + อยากฝึกภาษา เวลาคุยกับลูกค้าต้องพูดญี่ปุ่นตลอด อันนี้ช่วยเราได้มากๆในเรื่องการฟังและทักษะการพูดโต้ตอบ จริงๆไม่ต้องทำงานก็ได้ แต่อยากให้มีคนญี่ปุ่นไว้ให้ฝึกภาษาด้วยตลอดเวลา
3. เราเริ่มดูซีรี่ส์ญี่ปุ่นมากขึ้น โดยดูผ่านเว็บจีน เค้าจะมีฝังซับภาษาญี่ปุ่นไว้ด้วย หลักๆจะไม่อ่านซับแล้วพยายามฟัง แต่ถ้าไม่เข้าใจก็กด pause แล้วอ่านซับ ถ้ายังไม่เข้าใจก็เปิดดิกมันตรงนั้นเลย เราเป็นคนที่จะไม่ยอมผ่านไปถ้ายังไม่เข้าใจ ซึ่งอันนี้สำคัญกับการเป็นล่ามมากๆ !!
การหาแรงบันดาลใจให้ตัวเองในการเรียนภาษาสำคัญมากๆ มันกระทบต่อพลังในการฮึดจริงๆ ขอบอกว่าตอนนั้นเราพยายามมากๆ รู้สึกชาเลนจ์กับการสอบ N1 แบบไฟแรงอยากสอบผ่านในครั้งแรกให้ได้ !!!! สุดท้าย ทำเร็จจ้าาาาาาา สอบผ่านในครั้งแรกด้วยคะแนนไม่ขี้เหร่ รอบสองผ่านแบบได้การอ่านเต็ม บ้าพลังมากๆ
2. ลงเรียนคลาสติว เอาจริงๆการเรียนภาษาต่างประเทศด้วยตัวเองมันมีข้อจำกัด พอยิ่งเรียนสูงขึ้นไปมันจะมีละเอียดอ่อนของภาษานั้นๆที่เจ้าของภาษายังอธิบายยาก การมีครูเนทีฟไว้ปรึกษาสำนวนหรือแกรมม่าที่อ่านเองแล้วไม่เข้าใจสำคัญมากๆ ส่วนตัวเราลงเรียนสองที่คือ Waseda กับ RJS (แถวรามคำแหง)
มาดูกันว่าตอนที่เราพยายามสอบ N1 (ระดับสูงสุดของวัดระดับญี่ปุ่น) เราทำอะไรบ้าง 1. อ่านหนังสือเยอะมากกกกก ยืมหนังสือจากห้องสมุดแล้วไปถ่ายเอกสารเข้าเล่ม ประมาณ 100 กว่าบาท แล้วก็นั่งทำแบบฝึกหัดวนไป แนะนำห้องสมุด Japan Foundation อยู่ตึกเสริมมิตรที่อโศก เงียบมาก หนังสือJLPT เยอะ
(ทุนเป็นทุนมาจากกระทรวง แข่งระดับประเทศ ของโครงการ YFU แบบไปอยู่กับโฮสต์แฟม เป็นทุนกินเปล่าเต็มจำนวน จ่ายเฉพาะค่ากินอยู่ของตัวเอง ไม่รู้ตอนนี้ยังมีอยู่มั้ย) ตัดภาพมาในสเตตัสที่เราได้ระดับ N2 แล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ที่ต้องทำคือ 1. พัฒนาสกิลภาษาให้ได้ระดับ N1 2. หางานล่ามงานแรก
บางคนอาจจะบอกว่า จะสอบผ่านตั้งแต่ปี 1 ปี 2 มันไม่ใช่เรื่องง่าย ...... เอาจริงๆ มันไม่ง่าย แต่มันไม่เกินความพยายามแน่นอน เราโชคดีที่ได้ไปแลกเปลี่ยนแต่เราก็รู้จักหลายคนที่ได้ N2 ตอนปีแรกๆทั้งที่เค้าไม่ได้ไปอยู่ญี่ปุ่นมา และตอนนี้หารเข้าถึงภาษาญี่ปุ่นง่ายกว่า 10 ปีก่อนมากๆเลย
หลังจากกลับมาจากญี่ปุ่นเราก็ได้เข้ามหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง และกลับมาสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นได้ระดับ ​​N2 ตรงนี้เป็นใบเบิกทางสู่อาชีพล่ามของเรา “สำคัญ” ถ้าอยากเป็นล่าม แนะนำให้สอบให้ได้ระดับสูงสุดหรือเกือบสูงสุดของภาษานั้นๆ โอกาสที่จะได้งานและงานจะติดต่อเข้ามาจะสูงขึ้นมากๆๆ
เกริ่น เราเริ่มเรียนญี่ปุ่นตอนม.4 เป็นวิชาเสริมที่โรงเรียนรัฐบาลแห่งนึง โดยเรียนสัปดาห์ละ 1 คาบ โชคดีมากๆที่โรงเรียนของเรามีคุณครูชาวญี่ปุ่น เราเลยได้เริ่มเรียนภาษากับ Native Speaker ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ชอบอนิเมะหรือดารานักร้อง เราเลยไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจใดๆ
ด้วยความเป็นติ่งเราเคยเรียนภาษาเกาหลี บวกกับเคยโดนส่งไปเรียนภาษาจีน ในหัวเลยมีเรื่องแกรมม่าเกาหลีและตัวอักษรจีนหลงเหลืออยู่บ้าง การเรียนญี่ปุ่นของเราเลยไม่ลำบากนัก จุดหักเหของเราคือเราสอบชิงทุนของกระทรวงศึกษาธิการ (ผ่านทางโรงเรียน) ได้ไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 ปีตอนม.6
แชร์ประสบการณ์เป็นล่ามฟรีแลนซ์ฉบับนักศึกษามหาลัยของเราเอง เป็นล่ามภาษาไทย - ญี่ปุ่น เริ่มต้นที่งานวันละ 1,000 บาท จนตอนจะจบปี 4 ได้ออฟเฟอร์งานเงินเดือน 100k ขอแบ่งออกเป็น 2 พาร์ทหลักๆ ① การพัฒนาภาษา ② การทำงานจริง หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่น้องๆสายภาษาที่อยากทำอาชีพล่ามนะคะ
ถ้าเล่าเรื่องทำงานเป็นล่ามฟรีแลนซ์ตอนมหาลัยได้เงินเดือนหลายหมื่นจะโดนอะไรมั้ย อยากแชร์ประสบการณ์และมุมมองสำหรับหลายคนที่เรียนสายภาษา แต่รู้สึกว่าทวิตเตอร์ตอนนี้ช่างบอบบางเหลือเกิน บอบบางจนเนื้อหามันอาจจะไป trigger ใครเข้าได้ พูดตรงๆคืออยากแชร์ข้อมูลแต่ไม่พร้อมจะเป็นเป้าโดนโจมตี