ー ' 透明感 ' โทเมกัง คำนี้อยู่คู่วงการความสวยงามของญี่ปุ่นมานาน คำนี้แปลตรงตัวคือ transparency แต่พอเอามาใช้กับคน มันคือความใสที่ไม่ได้หมายถึงโปร่งใส แต่คือ ความผิวกระจ่างใสไม่แต่งแต้ม ดูอ่อนช้อยบอบบาง สีดูอ่อนๆ ราวกับจะมองทะลุไปได้เลย เป็นสิ่งที่สาวญี่ปุ่นต้องการมากกว่าความขาว
@mn012430 เราไปตัดกับทำสีมาวันนี้ค่ะ แต่ทำกับอ.ผู้หญิงนะคะ ขอแปะรีวิวของเราเผื่อใครจองไว้แล้วสองจิตสองใจว่ายังไงดี 😭 twitter.com/eri_pmpm/statu… twitter.com/eri_pmpm/statu…
วันนี้ไปกินอาหารเกาหลีที่ร้าน ' 만찬 (มันชัน) ' ในซอยสุขุมวิท 33/1 มา ด้วยความอยากกินหลายอย่างเลยมาตกที่ร้านนี้เพราะเมนูเค้าหลากหลายและครอบคลุม สั่งมาหลายอย่างแต่ที่เป็นเดอะเบสท์คือยุกเกะกับซอลลองทัง ดีมากกกกกกก 💕 กิมจิเส้นๆมะละกออร่อย ราคาสูงนิดนึง มีแต่ลูกค้าเกาหลีทั้งร้านเลย
เซรั่ม Smooth E ตัวนี้ดีมากกก จริงๆสรรพคุณเค้าเยอะมากแต่ชอบความ antioxidant (ต้านอนุมูลอิสระ) ที่สุด กลับมาไทยแล้วหน้าเห่อ+รูขุมขนกว้างจากอากาศและมลภาวะ พอใช้อันนี้รู้สึกเลยว่าผิวแข็งแรงขึ้น สิวผดหน้าแก้มน้อยลง 😌💕 ฟีลลิ่งสบายผิว ไม่เหนอะหนะแต่ชุ่มชื้น ได้ผิวโกลว์วิ้งจากทอง ✨
ที่ไปตัดผมวันก่อน เราลองเซ็ทผมเองดูแล้วน้าาาา 💕 ผมด้านหน้าโอเคเลย แต่ข้างหลังทื่อๆไปหน่อย
หลานเราอายุ 12 เขียนภาษาญี่ปุ่นตามกูเกิล (ไม่เคยเรียนญี่ปุ่นนะ เขียนตามที่เห็น) ลายมือสวยกว่าเราที่ไปอยู่มา 7 ปีอีกอะ งงมาก หลานเก่งเกินหน้าเกินตา 55555555
พี่สาวเล่าให้ฟังว่าหลานเป็นลมเพราะใส่แมสก์ ประเทศเราอากาศอบอ้วนเกินกว่าจะใช้ชีวิตนอกอาคารโดยการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา 🥵
อบอ้าวจ้ะ อบอ้าว 😭
Lineup สำหรับสารพัดคลีนซิ่งจาก LuLuLun ออกแบบมาได้ดีงามมาก การจับคู่สีดีงามไม่เหมือนแบรนด์ญี่ปุ่นเลย 🥺 เค้าบอกว่าใช้กระสบการณ์จากการทำมาส์กหน้าได้ออกมาเป็นคลีนซิ่งที่ดีต่อผิว ยิ่งใช้บาเรียผิวยิ่งแข็งแรง มี 3 ไอเท็ม Water / Gel / Sheet วางขาย 17 สิงหาที่ญี่ปุ่นจ้า
นี่คือที่รอคอย !!! รองพื้น shu uemura ขวดเหลี่ยมจะออกรุ่น glow ✨ แล้วจ้า คงเอาจุดเด่นด้านความติดทนนานและบางเบาเอาไว้ แต่รุ่นนี้ให้ผิวที่ดูชุ่มชื้น ฉ่ำโกลว์ มีทั้งหมด 24 สีเหมือนเดิม ใครอยากลองรุ่นเก่าแต่ไม่อยากได้งานแม็ต (แบบเรา) ได้ฤกษ์เสียเงินแล้วจ้าา รอเข้าไทยๆ
ขนม Tokyo Banana 🍌 สู่ Tokyo Banana Soft Cream 🍦✨
น้ำตบวันสเต็ป ✨ ตบแล้วชุ่มชื้นทันตาแต่ไม่เหนอะหนะหน้า รูขุมขนฟู หน้าไม่แห้งกร้าน ใครชอบแบบมีกลิ่นเชิญที่ Huxley ใครแพ้ง่ายหรือไม่ชอบกลิ่นแรง IPSA เลยจ้า วันไหนใช้สองตัวนี้เป็นน้ำตบขั้นตอนการลงสกินแคร์คือน้อยลงมากๆ อีกอย่างคือใช้แล้วหน้าไม่มันเยิ้มทั้งๆที่ผิวอิ่มน้ำมาก 💕💕
ZARA ตอนนี้คือสีดีมากกกกกก ม่วงที่ดี ม่วงที่น่ารัก 💜 นี่ขนาดใส่สีม่วงไม่ได้ยังอยากได้เลย 🥺
ใครมีกำลังทรัพย์เพียงพอ มาช่วยกันสมทบทุนๆ #เยาวชนปลดแอก
ประเทศทวิตเตอร์อยู่ยากจัง ;_; ตอนนี้ทุกคนสามารถตกเป็นเหยื่อทางวาจาได้ง่ายมากเพียงแค่เห็นต่างกัน
เกลียดคำว่า “ลูกหาบ” มาก การที่เราเห็นด้วยกับคนที่มีฟอลโลเวอร์เยอะ ไม่ได้หมายความว่าเป็นลูกหาบคนนั้นๆมั้ยนะ คนที่ไม่ได้ชอบพลอในตัวบุคคลแต่เค้าผ่านมาเห็นด้วยก็มีเยอะแยะ ;_; วันก่อนเราโดนกับตัวที่มีคนมาเห็นด้วยกับเราแล้วโดนเรียกว่าลูกหาบ คือคนๆนั้นเค้าไม่ได้ฟอลเราด้วยซ้ำอะ แงงง
ถ้าเล่าเรื่องทำงานเป็นล่ามฟรีแลนซ์ตอนมหาลัยได้เงินเดือนหลายหมื่นจะโดนอะไรมั้ย อยากแชร์ประสบการณ์และมุมมองสำหรับหลายคนที่เรียนสายภาษา แต่รู้สึกว่าทวิตเตอร์ตอนนี้ช่างบอบบางเหลือเกิน บอบบางจนเนื้อหามันอาจจะไป trigger ใครเข้าได้ พูดตรงๆคืออยากแชร์ข้อมูลแต่ไม่พร้อมจะเป็นเป้าโดนโจมตี
แชร์ประสบการณ์เป็นล่ามฟรีแลนซ์ฉบับนักศึกษามหาลัยของเราเอง เป็นล่ามภาษาไทย - ญี่ปุ่น เริ่มต้นที่งานวันละ 1,000 บาท จนตอนจะจบปี 4 ได้ออฟเฟอร์งานเงินเดือน 100k ขอแบ่งออกเป็น 2 พาร์ทหลักๆ ① การพัฒนาภาษา ② การทำงานจริง หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่น้องๆสายภาษาที่อยากทำอาชีพล่ามนะคะ
เกริ่น เราเริ่มเรียนญี่ปุ่นตอนม.4 เป็นวิชาเสริมที่โรงเรียนรัฐบาลแห่งนึง โดยเรียนสัปดาห์ละ 1 คาบ โชคดีมากๆที่โรงเรียนของเรามีคุณครูชาวญี่ปุ่น เราเลยได้เริ่มเรียนภาษากับ Native Speaker ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ชอบอนิเมะหรือดารานักร้อง เราเลยไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจใดๆ
ด้วยความเป็นติ่งเราเคยเรียนภาษาเกาหลี บวกกับเคยโดนส่งไปเรียนภาษาจีน ในหัวเลยมีเรื่องแกรมม่าเกาหลีและตัวอักษรจีนหลงเหลืออยู่บ้าง การเรียนญี่ปุ่นของเราเลยไม่ลำบากนัก จุดหักเหของเราคือเราสอบชิงทุนของกระทรวงศึกษาธิการ (ผ่านทางโรงเรียน) ได้ไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 ปีตอนม.6
หลังจากกลับมาจากญี่ปุ่นเราก็ได้เข้ามหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง และกลับมาสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นได้ระดับ ​​N2 ตรงนี้เป็นใบเบิกทางสู่อาชีพล่ามของเรา “สำคัญ” ถ้าอยากเป็นล่าม แนะนำให้สอบให้ได้ระดับสูงสุดหรือเกือบสูงสุดของภาษานั้นๆ โอกาสที่จะได้งานและงานจะติดต่อเข้ามาจะสูงขึ้นมากๆๆ
บางคนอาจจะบอกว่า จะสอบผ่านตั้งแต่ปี 1 ปี 2 มันไม่ใช่เรื่องง่าย ...... เอาจริงๆ มันไม่ง่าย แต่มันไม่เกินความพยายามแน่นอน เราโชคดีที่ได้ไปแลกเปลี่ยนแต่เราก็รู้จักหลายคนที่ได้ N2 ตอนปีแรกๆทั้งที่เค้าไม่ได้ไปอยู่ญี่ปุ่นมา และตอนนี้หารเข้าถึงภาษาญี่ปุ่นง่ายกว่า 10 ปีก่อนมากๆเลย
(ทุนเป็นทุนมาจากกระทรวง แข่งระดับประเทศ ของโครงการ YFU แบบไปอยู่กับโฮสต์แฟม เป็นทุนกินเปล่าเต็มจำนวน จ่ายเฉพาะค่ากินอยู่ของตัวเอง ไม่รู้ตอนนี้ยังมีอยู่มั้ย) ตัดภาพมาในสเตตัสที่เราได้ระดับ N2 แล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ที่ต้องทำคือ 1. พัฒนาสกิลภาษาให้ได้ระดับ N1 2. หางานล่ามงานแรก
มาดูกันว่าตอนที่เราพยายามสอบ N1 (ระดับสูงสุดของวัดระดับญี่ปุ่น) เราทำอะไรบ้าง 1. อ่านหนังสือเยอะมากกกกก ยืมหนังสือจากห้องสมุดแล้วไปถ่ายเอกสารเข้าเล่ม ประมาณ 100 กว่าบาท แล้วก็นั่งทำแบบฝึกหัดวนไป แนะนำห้องสมุด Japan Foundation อยู่ตึกเสริมมิตรที่อโศก เงียบมาก หนังสือJLPT เยอะ
2. ลงเรียนคลาสติว เอาจริงๆการเรียนภาษาต่างประเทศด้วยตัวเองมันมีข้อจำกัด พอยิ่งเรียนสูงขึ้นไปมันจะมีละเอียดอ่อนของภาษานั้นๆที่เจ้าของภาษายังอธิบายยาก การมีครูเนทีฟไว้ปรึกษาสำนวนหรือแกรมม่าที่อ่านเองแล้วไม่เข้าใจสำคัญมากๆ ส่วนตัวเราลงเรียนสองที่คือ Waseda กับ RJS (แถวรามคำแหง)